อนุทิน เผย ไฟป่าที่เกิดขึ้นทุกปี เป็นวงรอบและเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ต้องป้องกันให้ถึงที่สุด จะเอาอยู่ขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับประชาชน โดยเฉพาะคนที่ยังเผาป่า วอนขอชาวบ้านเลิกเผา ส่วนนายทุนหากเป็นต้นเหตุ ควันข้ามแดน ก็ไม่เกรงใจ
วันที่ 10 เมษายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์หมอกควันไฟป่าและฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ตามคำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยช่วงเช้าได้เดินทางไปที่ศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่ากองทัพภาคที่ 3 กองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มอบสิ่งของและให้กำลังใจนักบินและเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าหลายหน่วยงาน ทั้ง กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กรมการปกครอง และ กำลังพลทหารกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งทั้งหมดต้องทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
จากนั้นนายอนุทิน ได้เข้ารับฟังสถานการณ์ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กพีเอ็ม 2.5 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้กำชับให้ใช้ทุกมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
นายอนุทิน เผยว่า ชื่นชมทีมงานที่จังหวัดเชียงใหม่ทุกหน่วยงานที่ระดมทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหา ส่วนไฟป่าที่ยังเกิดขึ้นหากกราบเท้าได้ก็จะกราบขอให้ชาวบ้านเลิกเผาเพราะไม่เกิดผลดีกับใคร แต่กลับส่งผลกระทบหลายมิติ ทั้ง สุขภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เตือนว่าที่ผ่านมามีการใช้กฏหมายอย่างเข้มขันอยู่แล้วและหากยังไม่ฟังก็จำเป็นต้องใช้กฏหมายในการควบคุมที่เข้มข้นมากขึ้น
ปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นทุกปีเป็นวงรอบและเป็นเรื่องธรรมชาติ เราชนะธรรมชาติยาก แต่ก็จะต้องป้องกันให้ถึงที่สุด ส่วนจะเอาอยู่ขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับประชาชน โดยเฉพาะคนที่ยังเผาป่า
ส่วนปัญหาหมอกควันจากเพื่อนบ้านที่เกี่ยวเนื่องกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ นายอนุทินบอกว่า หากเผาแล้วทำให้คนไทยเดือดร้อน เราก็ไม่สนว่านายทุนจะมาจากไหน แต่ต้องคำนึงถึงประเทศชาติและจะต้องหาทางดำเนินการแก้ปัญหา ถามว่าเกรงใจนานทุนหรือไม่ เกรงใจทำไม ถ้านายทุนที่ไม่คิดถึงความมั่นคงของชาติและสุขภาพของประชาชนก็ไม่มีใครเกรงใจ มีแต่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
