“อนุทิน” เตรียมลงพื้นที่แม่สอด ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - เมียนมา เผยไม่มีอะไรน่ากังวล ก่อนย้ำไทยต้องดูแลผู้อพยพ ตามหลักสิทธิมนุษยธรรม แต่ต้องควบคุมให้อยู่ในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ มองเป็นการหนีร้อนมาพึ่งเย็น เชื่อหากประเทศเมียนมาสงบ ผู้อพยพกลับบ้าน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผยว่าวันนี้ (23 เม.ย.) นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนเอง ร่วมเดินทางไปกับคณะของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้วย ซึ่งนายปานปรีย์ จะไปในนามของความมั่นคง และระหว่างประเทศ ส่วนตนจะไปดูในเรื่องของการช่วยเหลือดูแลผู้ประสบเหตุ ทั้งผู้ที่อพยพเข้ามา และคนไทยในบริเวณดังกล่าวที่อาจได้รับผลกระทบด้วย
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า อย่างน้อยเราก็ต้องให้การดูแลในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งเป็นการดูแลตามหลักมนุษยธรรม เมื่อเขามีความเดือดร้อนมีอันตราย ถึงขั้นเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตแล้วหลบหนีเข้ามา ก็เป็นการหนีร้อนมาพึ่งเย็น เราก็ต้องกำกับดูแลควบคุมให้เขาอยู่ในที่ที่เราได้เตรียมไว้ ซึ่งในจังหวัดที่มีสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเตรียมที่พัก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแผนเผชิญเหตุที่อาจจะเกิดการปะทะ หรือสู้รบกันได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกินความคาดหมาย เพียงแต่คนที่เข้ามาก็ต้องอยู่ในความควบคุมของเรา เมื่อสถานการณ์คลี่คลายคนเหล่านี้ก็จะเดินทางกลับ จึงไม่น่ากังวลอะไร นอกจากนี้ ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่าคนที่หนีภัยเข้ามา เพื่อหลบภัยเท่านั้น ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รายงานสถานการณ์ให้ตนเองทราบทุกวัน จนถึงขณะนี้ทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุม
ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ ได้รับทราบสถานการณ์อยู่ตลอด และรัฐบาลก็ให้ข้อมูลข่าวสารตลอดเวลา ขณะนี้สำหรับคนไทยไม่มีใครกล้าข้ามไปฝั่งเมียนมา และไม่ต้องกังวลว่าเขาจะตามเข้ามาถล่มในประเทศไทย เพราะเป็นไปไม่ได้ เรามีอธิปไตยของเรา ไม่ว่าจะเป็นชนกลุ่มน้อย หรือรัฐบาลกลางของเมียนมา ก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาคุกคามประเทศไทยได้
นายอนุทิน ยังมั่นใจว่า จะไม่มีอาวุธหลงเข้ามาในประเทศไทย เพราะหากมี จะเป็นผลต่อเนื่องซึ่งไม่เป็นผลดีกับเขา คิดว่าเขาต้องมีการคำนวณเป็นอย่างดี และเป็นเรื่องความขัดแย้งของคนในบ้านของเขา ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เราให้การดูแลคนของเขา เขาก็ไม่น่าจะทำอะไรเรา
