สืบนครบาลรวบหนุ่ม 19 ปี ฉายา “แดนหัวใจระเบิด” ลวงเด็กย่ำยี-ถ่ายคลิป

สืบนครบาลรวบหนุ่ม 19 ปี ฉายา “แดนหัวใจระเบิด” ลวงเด็กย่ำยี-ถ่ายคลิป

View icon 257
วันที่ 28 เม.ย. 2567 | 11.15 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สืบนครบาลรวบหนุ่ม 19 ปี กลางถนน ฉายา “แดนหัวใจระเบิด” ลวงเด็กย่ำยี-ถ่ายคลิป-บังคับเสพกัญชา แถมลั่น “ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้”

วันนี้ (28 เม.ย.67)  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พร้อมกับเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วน ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายอัฐษฎา หรือแดนหัวใจระเบิด อายุ 19 ปี อยู่ ถ.ริมคลองบางค้อ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.352/2567 ลงวันที่ 25 เมษายน 2567

โดยกล่าวหาว่า “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้” จับกุมได้ที่ ภายใน ซ.จริญสนิทวงศ์ 85 แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ “กฎหมายก็แค่เสียตัง....บ้านกูใหญ่....ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้” แชทสนทนาของนายแดนหัวใจระเบิดที่ส่งมาข่มขู่เด็กสาวอายุ17 ปี หลังจากที่ได้เผยแพร่คลิปลับของเธอในโลกโซเชียล ก่อนจะข่มขู่เธอหวังจะให้เธอกลับไปมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง แต่เธอไม่ยอมแล้ว ได้ไปแจ้งความดำเนินคดี ทำให้นายอัฐษฎาตามราวีเธอจนตกอยู่ในความเครียด เธอยอมรับว่าต้องนอนร้องไห้ทุกคืน และไม่มีจิตใจที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติ 

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันวาเลนไทน์ปี 2567 จนล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ได้ออกหมายจับคนร้ายรายนี้แล้วคือ นายอัฐษฎา หรือ “แดนหัวใจระเบิด” อายุ 19 ปี เธอได้ขอความช่วยเหลือมาที่เพจสืบนครบาลให้ช่วยติดตามจับกุมเพราะเจ้าตัวหนีสุดชีวิต ซึ่งเมื่อ พล.ต.ต.ธีรเดชธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ทราบเรื่องและนำแฟ้มคดีมาตรวจสอบวิเคราะห์พฤติกรรมความเลวของคนร้ายรายนี้ เชื่อว่าไม่น่าได้ก่อเหตุมาเพียงครั้งเดียวอาจจะมีเหยื่อรายอื่นๆอีก จึงส่งชุดสารวัตรแจ๊ะออกไล่ล่า กว่า 18 ชั่วโมงของการลาดตระเวนชุดสืบสวนก็พบเบาะแสว่าคนร้ายจะไปเสพกัญชากับพลพรรคสายเขียวย่านจรัญสนิทวงศ์ ชุดสืบสวนวางกำลังในพื้นที่จนพบตัวคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากซอย ผู้เสียหายยืนยันว่านี่คือคนร้าย

ชุดสืบสวนขับขี่ไล่ล่าไปถึงบริเวณ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 85 คนร้ายไหวตัวทัน หักหัวกลับรถกะทันหันเพื่อหลบหนี สารวัตรแจ๊ะ สั่งชุดสืบสวนปาดหน้าและเข้าชาร์จจับกุมตัวกลางถนนทันที

โดยหลังจับกุมตัวตามหมายจับ คนร้ายพาชุดสืบสวนไปตรวจค้นบ้านพัก ได้พบกับเด็กสาวอายุ 14 ปี ที่ถูกคนร้ายล่อลวงมา ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนตรวจสอบโทรศัพท์ของเด็กสาวอายุ 14 ปี มีญาติของเธอพยายามติดต่อกับเธอเกือบ 100 สาย ชุดสืบสวนรีบติดต่อไปยังผู้ปกครองของเด็กสาวทำให้ทราบว่า เด็กสาวรายนี้หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่วันสงกรานต์ปี 67 ซึ่งเมื่อชุดสืบสวนขุดคุ้ยไปอีกก็พบว่าคนร้ายได้ถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวไว้จำนวนมาก และยังมีการแช็ตสนทนาเพื่อขายคลิปลับเหล่านี้อีกด้วย

หลังการตรวจค้นจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ได้ขยายผลการจับกุมจนทราบว่าตลอดเวลาที่คนร้ายล่อล่วงเด็กสาวรายนี้มานั้น ได้ลงมือกระทำชำเรา , ถ่ายคลิปวิดีโอ และยังบังคับให้เสพกัญชา ชุดสืบสวนได้ส่งตัวเด็กสาวอายุ 14 ปี รายนี้กลับคืนสู่อ้อมกอดผู้ปกครองอย่างปลอดภัยแล้ว  นำตัวผู้ต้องหาส่ง สน. บางขุนเทียนดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายอัฐษฎาให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เรื่องที่เป็นคดีเกิดขึ้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2566  ตอนนั้นตนได้คบกับผู้เสียหายในคดีนี้ อายุ 17 ปี คบหากันได้ประมาณ 9 เดือน ก็ไปมาหาสู่รักกันปกติ จนประมาณเดือนมกราคม 2567 ตนเกิดนอกใจผู้เสียหาย ไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งจนถูกผู้เสียหายจับได้ ผู้เสียหายจึงขอเลิกกับตน แต่ด้วยความรักที่ตนมีให้ผู้เสียหายทำให้ไม่อยากเลิกคบกัน จึงขู่กับผู้เสียหายว่า ถ้าเลิกกันจะโพสต์รูปโป๊ คลิปโป๊ของผู้เสียหายให้คนอื่นเห็น โดยใช้คำพูดว่า "ถ้ามึงไม่กลับมา กูจะเอารูปโป๊และคลิปโป๊ของมึงไปโพสต์ในทวิตเตอร์ และในเฟซบุ๊ก แต่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมาคืนดีด้วย ทำให้ตนโกรธมากที่ผู้เสียหายไม่ยอมกลับมา จึงเอารูปโป๊ของผู้เสียหายไปโพสต์ลงในคอมเมนต์เฟซบุ๊กของผู้เสียหาย ให้คนอื่นเห็น เพื่อให้ผู้เสียหายอับอายและยอมกลับมาคืนดีกับตน แต่เมื่อโพสต์ไปแล้วผู้เสียหายได้พาผู้ปกครองเข้าแจ้งความที่ สน.บางขุนเทียน  แต่ตนก็โต้ตอบไปแช็ตผู้เสียหายว่า "กูไม่กลัว ตำรวจทำอะไรกูไม่ได้หรอก อากูเป็นตำรวจ พี่กูก็เป็นทหาร อย่างมากก็แค่เสียเงิน กูไม่อยากให้เงินผู้หญิงที่เคยโดยข่มขืนแบบมึง"

จากนั้นผู้เสียหายจึงดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตนก็ยังไปเยาะเย้ยผู้เสียหายอีกว่า "ตำรวจจับกูไม่ได้หรอก กูไม่อยู่บ้านยังไงตำรวจก็หากูไม่เจอ" ยอมรับว่าทำไปพูดไปเพราะความโกรธและความคึกคะนอง ไม่มีญาติเป็นตำรวจหรือทหารแต่อย่างใด”

ในชั้นจับกุม นายอัฐษฎา ยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดตนทำผิดจริง เกิดความสำนึกผิด จึงให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา  ส่วนเด็กสาวที่เจ้าหน้าที่พบที่บ้านพักนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนใหม่ของตน เพิ่งเจอกันเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา จากนั้นได้คบหากันเป็นแฟนกันโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองของแฟนตนไม่ทราบ โดยให้แฟนใหม่ของตนโกหกที่บ้านว่า ปิดเทอมขอไปเที่ยวเล่นบ้านเพื่อนผู้หญิง จากนั้นจึงมาอยู่กินกับตนเรื่อยมาตั้งแต่หลังสงกรานต์ โดยไม่ให้แฟนใหม่ของตนรับโทรศัพท์จากผู้ปกครอง เพราะไม่อยากให้ทราบเรื่อง ซึ่งเมื่อมาเจอแฟนใหม่รู้สึกดีกว่าแฟนเก่า (ผู้เสียหายในคดี) เยอะ ทำให้ลืมแฟนเก่า (ผู้เสียหายในคดี) โดยตนยืนยันว่าขอไม่ไปขอคืนดีกับแฟนเก่า(ผู้เสียหายในคดี)อีก

เคยทำ 3 คดี คือ 1.ปลายเดือน มี.ค. 67 ได้ก่อเหตุใช้มีดแทงวัยรุ่นที่บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า , 2.ต้นเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุขโมยยาบำรุงเซ็กซ์ในร้านสะดวกซื้อ สาขาซอยพระราม 2 ซอย 20  และ 3.กลางเดือน เม.ย. 67 ก่อเหตุรุมทำร้านนายตู้ฯ ที่เอกชัยซอย 8 ส่วนที่ตนเองมีฉายาว่าแดนหัวใจระเบิดเพราะว่าสักลายรูปหัวใจระเบิดบริเวนหน้าอก แต่ยังสักไม่เสร็จเพราะช่างเกมที่สักให้ถูกสืบนครบาลจับไปเมื่อวันก่อนที่ จ.ภูเก็ต  หลังจับกุมตัว ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “พฤติกรรมของคนร้ายถือว่าไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ท้าทายอวดอ้าง ถือเป็นภัยต่อเด็กและเยาวชนอย่างยิ่ง ตัวเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการกระทำเช่นนี้นั้นสร้างบาดแผลในจิตใจเด็กเพียงใด การแบล็กเมลล์เปิดคลิปลับของเด็กสาวลักษณะนี้มันแทบจะทำให้เหยื่อสาวตายทั้งเป็นได้เลย ยิ่งกว่านั้นชุดจับกุมยังไปพบว่าปัจจุบันยังอยู่กินอาศัยกับเด็กสาววัยเพียง 14 ปี ซึ่งไร้เดียงสามาก ถูกล่อลวงจนกระทั่งแม้แต่ตอนจับกุมเค้ายังพูดปกป้องตัวคนร้ายเด็กไม่ว่าอย่างไรก็คือเด็ก ความไม่เข้าใจในเรื่องของความรัก มันจึงต้องมีกฏหมายที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มครองให้กับเด็กเหล่านี้ เพื่อมิให้เหล่าชายโฉดใช้ความไร้เดียงสาของเด็กมาสนองตัณหาของตัวเอง และทำลายอนาคตของเด็ก จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดเพิ่มความใส่ใจในตัวบุตรหลานของท่าน อย่าไว้วางใจและคลาดสายตา แม้แต่กระทั่งคนใกล้ชิด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง