สาวเครียดจัด ปีนเสาส่งสัญญาณวิทยุ เจ้าหน้าที่เจรจา 2 ชั่วโมงไม่เป็นผล ต้องใช้รถเครนขึ้นไปยกลงมา เจ้าตัวอ้างถูกตำรวจจับ รีดเงิน 1 หมื่นบาท ไปขอเงินคืนไม่ได้ ด้าน ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว สั่งตรวจสอบแล้ว หากเรื่องจริงไม่เอาไว้
วันนี้ (10 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิทยุกู้ชีพ 1667 และกู้ภัยสว่างสระแก้ว ได้รับแจ้งมีหญิงปีนเสาส่งสัญญาณของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสระแก้ว (สวท.สระแก้ว) เตรียมจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย เหตุเกิดพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว จึงประสานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว ร้องขอชุดปฏิบัติการของศูนย์ ปภ.จังหวัดปราจีนบุรี นำรอกมาช่วยเหลือ
เบื้องต้นทราบชื่อหญิงรายนี้คือ นางสุดารัตน์ อายุ 55 ปี ปีนเสาส่งสัญญาณออกอากาศของ สวท.สระแก้ว ขึ้นไปสูงเกือบ 30 เมตร หรือเท่ากับตึก 4 ชั้น และหยุดอยู่บริเวณจุดพักของเสาสัญญาณ นั่งเกาะคานเหล็กของเสาส่งสัญญานวิทยุ จนเป็นที่น่าหวาดเสียว เพราะปีนขึ้นต่อไปไม่ไหว เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ พยายามตะโกนพูดจากับหญิงคนดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด และยังได้พยายามพูดโน้นน้าวให้หญิงคนดังกล่าวเกิดความผ่อนคลายกระทั่งหญิงคนดังกล่าวเกิดอาการเวียนศีรษะจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด เจ้าหน้าที่จึงพยายามตะโกนให้หายใจลึกๆ
เวลาผ่านไปกว่า 2 ชม.ยังไม่สามารถที่จะนำตัวหญิงรายดังกล่าวลงมาได้ จึงได้ประสานไปยังทีมมูลนิธิสว่างสระแก้ว หรือบริษัท โอ๋เครน สระแก้ว จำกัด เพื่อนำเครนยกกระเช้าขึ้นไปช่วยนำตัวนางสุดารัตน์ลงมาด้านล่าง กระทั่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ขึ้นเครนยกกระเช้าขึ้นไปนำตัวนางสุดารัตน์ลงมาได้สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งใจของชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์ จากนั้นได้นำตัวนางสุดารัตน์ ส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว เพื่อตรวจเช็คร่างกายทันที
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้ นางสุดารัตน์ ก่อเหตุปีนขึ้นไปบนเสาส่งสัญญาณ สวท.ครั้งนี้ มีข้อมูลว่า นางสุดารัตน์ได้เดินทางมากับสามีที่ขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อส่งมูลไก่ไปทำปุ๋ยที่ประเทศกัมพูชา แต่ระหว่างทางถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจและปรับเงินจำนวน 1 หมื่นบาท หลังเดินทางไปขอเงินคืนแต่ไม่ได้ เลยน้อยใจปีนเสาส่งสัญญาณดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำอางค์ ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทราบว่า นางสุดารัตน์เกิดความเครียด จึงก่อเหตุปีนเสา ตอนนี้ได้นำตัวไปรักษาพยาบาล และอยู่ระหว่างติดตามญาติ ส่วนกรณีที่นางสุดารัตน์อ้างว่า ถูกตำรวจเรียกรับเงินไป 1 หมื่นบาทนั้น จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยจะให้ รอง ผกก.สอบสวน เรียกผู้เสียหายมาสอบปากคำว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากพบตำรวจทำผิดก็ต้องลงโทษ ตนไม่เอาไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจ
