ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สำนักพุทธฯ ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว! กรณีของ "เชื่อมจิต" ระบุ ไม่มีในพระไตรปิฎก ด้าน เพจนิรมิตเทวาจุติ แจงกลับ "เชื่อมจิต" ไม่เคยบอกว่าเป็นคำสอน
นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ในฐานะประธานตรวจสอบกรณีเด็กเชื่อมจิต ออกมาแถลงถึงกรณีกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลในพระไตรปิฎกอย่างละเอียดทั้งหมด ขอชี้แจ้งว่า "การเชื่อมจิต" ไม่ปรากฏอยู่ในคำสอนของพระไตรปิฎกแต่อย่างใด และยังขัดต่อหลักคุณธรรม ที่มีด้วยกัน 6 ประการ รวมถึงเรื่องอ้างพระอนาคามี การเป็นลูกพระพุทธเจ้า ได้แสงสีทองมาจากเชื่อมจิต และได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้ามาฟื้นฟูศาสนา เป็นตัวที่ทำให้ยิ่งต้องตระหนักถึงสิ่งที่พระองค์สอน คือ พระพทุธศาสนา
เพราะฉะนั้น เมื่อมีศรัทธา ชาวพุทธเองก็ต้องมีสติ เพื่อรู้แจ้งทันทีในสิ่งที่คนอื่นบอก ยืนยัน เรื่องราวทีเกิดขึ้น ทางสำนักพุทธฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ติดตามสถานการณ์ และรวบรวมคลิป ทั้งคำสอนที่ผิดเพี้ยนทั้งหมด จนได้ไปขอคำปรึกษาจากมหาเถรสมาคม เพราะถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว
ส่วนหลังจากนี้ ทราบว่า ทาง สำนักพุทธฯ จะส่งเรื่องให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคม จากนั้น จะมีมติให้ พส. ดำเนินการอย่างไรต่อ ก็จะแจ้งให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป
ด้านทาง เพจนิรมิตเทวาจุติ ได้ออกมาโพสต์ภาพ เป็นข้อความระบุว่า เด็กชายอายุ 8 ขวบ บอกมาตลอดว่า "เชื่อมจิตเป็นวิธีการ" ไม่เคยยืนยันว่าเป็นคำสอน และ สำนักพุทธฯ ก็ไม่ได้บอกว่า สอนไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า
ด้าน ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พร้อมระบุว่า ข้อมูลที่นำมามอบให้วันนี้ เป็นชุดเดียวกับที่ไปแจ้งความไว้ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนกรณีที่ แม่เด็กชายอายุ 8 ขวบ ไปแจ้งความเอาผิด เจ้าหน้าที่ พม.สุราษฎร์ธานี ฐานผิดตาม ม.157 ตนเองอยากบอก ทางกองทัพธรรมยินดีให้การช่วยเหลือ เพราะมีทีมนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้เยอะ
ส่วนด้าน นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. ผู้รับหนังสือ ระบุว่า สำหรับเรื่องของ เด็กชายอายุ 8 ขวบ ถือว่ายังอยู่ใน พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และได้มีการยื่นศาลศาลเยาวชนและครอบครัวกลางแล้ว เป็นการร้องขอให้ศาลสั่งยุติการนำน้องไปทำประโยชน์ และขอหารือร่วมกับครอบครัวว่า ต้องอบรมสั่งสอนและการเลี้ยงดู ภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กหรือไม่
