หลอกสร้างบ้านมีเงินทอน หมดนวดตาบอดเศร้าเงินก็ไม่ได้-ที่ดินถูกยึด

หลอกสร้างบ้านมีเงินทอน หมดนวดตาบอดเศร้าเงินก็ไม่ได้-ที่ดินถูกยึด

View icon 602
วันที่ 23 พ.ค. 2567 | 09.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หลอกสร้างบ้านได้เงินทอน กู้ไม่ผ่านมีบริการหาคนไปยื่นกู้แทน หมอนวดตาบอด เศร้าหวังได้เงินทอนนำมาขยายร้านนวด ถูกหลอกให้นำเอาโฉนดที่ดินไปจดจำนองเป็นหลักประกัน สุดท้ายทิ้งงาน ที่ดินถูกยึด พบชาวบ้านตกผู้เสียหายกว่า 30 คน 

หมอนวดตาบอดถูกหลอกสร้างบ้านได้เงินทอน วันนี้ (23 พ.ค.67) นายดรัน อายุ 31 ปี หมอนวดแผนไทยตาบอด ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย ที่ถูกนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี และนางสาวบี (นามสมมุติ) หลอกให้นำโฉนดไปจำนอง จนต้องเป็นหนี้ 6 แสนบาท เนื่องจากตนต้องการขยายสถานประกอบการนวดแผนไทย ต้องใช้เงินทุนหลักแสนบาท เพื่อขยายพื้นที่อาคาร เพื่อยื่นขอใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข ให้ถูกต้อง นางสาวบี จึงเช็กเครดิตรบูโรให้ ซึ่งประวัติของตนไม่มีปัญหา แต่ไม่สามารถทำธุรกรรมได้ เนื่องจากเป็นคนพิการตาบอด

ต่อมา นางสาวบีจึงได้ยื่นข้อเสนอว่า รู้จักกับนายทุนที่รับสร้างบ้านแล้วได้เงินทอน โดยทีมงานจะรับไปดำเนินการยื่นกู้ให้ เมื่อบ้านสร้างเสร็จ ก็จะได้รับเงินทอน เพื่อนำมาเป็นทุนขยายสถานประกอบการนวดแผนไทย จากนั้น นางสาวบีได้พานายเอ เข้ามาพูดคุยตกลงเรื่องสร้างบ้าน วงเงิน 6 แสนบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 10 เดือน แต่นายเอมีข้อเสนอให้นำที่ดินมาจำนองไว้เพื่อเป็นหลักประกัน และจะลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 5 เดือน ตนนำเอกสารไปยังสำนักงานที่ดินเพื่อจดจำนอง และตกลงสร้างบ้าน

หมอนวดตาบอด เล่าด้วยว่า หลังจากนั้น มีกระแสข่าวว่าชาวบ้านในตำบลอื่นที่ทำธุรกรรมสร้างบ้าน ปรับปรุงบ้านกับนายเอ และนางสาวบี มีปัญหาไม่ได้รับเงินทอนจากการสร้างบ้าน และสร้างบ้านไม่เสร็จ หรือสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน ประกอบกับทาง อบต. มาตรวจพร้อมแจ้งว่า ไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้าง และวัสดุที่ใช้ในการสร้างไม่ได้มาตรฐาน ตนจึงขอยุติการก่อสร้าง ละขอโฉนดคืน แต่นายเอกลับบอกว่าให้นำเงิน 6 แสนบาท มาคืนทั้งที่ตนยังไม่เคยได้รับเงิน 6 แสนบาทแต่อย่างใด

ต่อมาชาวบ้านที่ตกเป็นผู้เสียหายได้รวมตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความเพราะมองว่าเป็นคดีแพ่งผู้เสียหายจึงไปร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม ยุติธรรมจังหวัด แต่เรื่องก็เงียบ จนมีคนแนะนำทนายความให้มาช่วยเหลือ ก็ถูกขอให้ช่วยค่าน้ำมัน 14,000 บาท ผ่านไป 1 สัปดาห์ ยังไม่มีความคืบหน้า ทนายจะขอค่าน้ำมันเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเป็นการลงพื้นที่ และบอกว่ามีค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดี ๆ ละ 2-3 หมื่นบาท เหมือนหนีเสือปะจระเข้

ด้านนางสาวสุวรรณนา อายุ 34 ปี ผู้เสียหายอีกคน เปิดเผยว่า ตนได้ตกลงสร้างบ้านกับนายทุน 2 คนนี้ โดยใช้วิธีจ้างคนอื่นมายื่นกู้สร้างบ้านในที่ของตนจนเสร็จ แต่ก็ไม่ได้เงินทอนตามที่สัญญาไว้ เมื่อสอบถามไปยังนายเอและนางสาวบี ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีเวลาทำบัญชี ตนจึงขอเข้าไปทำบัญชีให้ จนพบว่าบัญชีมีความผิดปกติ ติดลบทุกบัญชี ราคาวัสดุก่อสร้างไม่ตรงกับราคาที่ร้านค้าระบุ เชื่อว่าน่าจะมีการทำบัญชีวัสดุก่อสร้างให้ติดลบ เพื่อให้เงินกู้ที่รับมาจากธนาคารหรือเงินส่วนต่างไม่พอ ชาวบ้านต้องเป็นหนี้เพิ่มอีกหลักแสนบาท ทำให้ชาวบ้านรวมตัวเข้าแจ้งความ

“บ้านที่สร้างยื่นกู้ในชื่อคนอื่น เป็นคนที่นายทุนจ้างมายื่นกู้แทน จึงไม่รู้ว่าคนที่ถูกจ้างมากู้จะปล่อยให้ธนาคารยึดตอนไหน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ช่วยเหลือ เพราะหลายครอบครัวอาจไม่มีบ้านอยู่” นางสาวสุวรรณนา

ผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อไปยังนายเอ บุคคลที่ชาวบ้านระบุว่าเป็นนายทุน โดยนายเอยอมรับว่ารู้จักกับนางสาวบีจริง เคยร่วมทำธุรกิจด้วยกัน แต่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน ตนเป็นผู้รับเหมารับสร้างบ้าน และมีรายได้ 10% จากค่าวัสดุและค่าแรงธุรกรรมอื่นเท่านั้น ส่วนนางสาวบี จะมีนางสาวสุวรรณเป็นผู้ที่หาลูกค้าที่สนใจสร้างบ้านไป จากนั้นนางสาวบีจะดำเนินการติดต่อธนาคาร หากกู้ไม่ผ่านจึงจะมาหาตนเพื่อให้ลงทุนก่อสร้างให้ก่อนแล้วกินเปอร์เซ็นต์ จากค่าวัสดุและธุรกรรม

ส่วนเรื่องบ้านของหมอนวดตาบอด ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งงาน แต่ทางหมอนวดเจ้าของบ้านเอาวัสดุก่อสร้างไปขาย ทำให้เข้าไปทำต่อไม่ได้ ล่าสุดตนได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับนางสาวบีแล้ว 4 คดี รวมถึงและนางสาวสุวรรณา ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง