โพสต์เฟซบุ๊กขายยาแก้ไอ-บุหรี่ไฟฟ้า สุดท้ายโดนรวบ

โพสต์เฟซบุ๊กขายยาแก้ไอ-บุหรี่ไฟฟ้า สุดท้ายโดนรวบ

View icon 99
วันที่ 26 มิ.ย. 2567 | 12.58 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบวัยรุ่นสร้างตัวโพสต์ขายยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เจ้าตัวรับสารภาพหาเงินเลี้ยงพ่อ แม่ และครอบครัวทางเจ้าหน้าที่กล่าว ไม่ใช่ข้ออ้างในการทำผิดกฎหมาย

วันนี้ (26 มิ.ย. 67) พ.ต.ต.ทินกร จันทะเรือง สว.สส.สภ.ท่าพระ พร้อม พ.ต.ต.ดนัย ถนอมชีพ สว.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น นายปัณณทัต สามิบัติ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ นายอรรถพล ทิพย์ดารา ปลัดอำเภอเมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งที่หมู่ 14 ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังมีคู่รักชาย-หญิง 2 คน โพสต์โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า และยาแก้ไอ (ผิดกฎหมาย) ในสื่อสังคมออนไลน์

ณ บริเวณหน้าบ้านพบ น.ส.มินตรา อายุประมาณ 20 ปี ซึ่งเป็นผู้ร่วมโพสต์ขายยาแก้ไอ และบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับ นายพุทธิพงษ์ อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่จึงให้ น.ส.มิตรา โทรศัพท์แจ้งให้นายพุทธิพงษ์เข้ามาที่บ้าน เมื่อนายพุทธิพงษ์ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาที่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนจะพาไปตรวจค้นหาของกลางภายในบ้าน โดยพบว่า มียาแก้ไอยี่ห้อ Datisin ฝาสีแดง 18 ขวด บรรจุภายในลังกระดาษ ยาแก้ไอยี่ห้อ Allergin Syrup ฝาสีเทา 26 ขวด บรรจุภายในลังกระดาษ และบุหรี่ไฟฟ้า 15 อัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวนายพุทธิพงษ์พร้อมยึดของกลางทั้งหมดมาที่ สภ.ท่าพระ

จากการสอบสวน นายพุทธิพงษ์ สารภาพว่า ยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดเป็นของตนเอง โดยตนสั่งซื้อจากพ่อค้ารายหนึ่งผ่านทางไลน์ ซึ่งผู้ขายจะส่งสินค้ามาให้ทางไปรษณีย์ จากนั้นตนเองก็จะนำมาโพสต์ขายผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยยาแก้ไอฝาเทาจะขายขวดละ 80 บาท ฝาแดงขวดละ 90 บาท โดยเงินที่ใช้เป็นทุนนั้นตนเก็บออมจากการทำงาน ขายรถจักรยานยนต์และสร้อยคอทองคำรูปพรรณ ซึ่งเงินที่ได้จากการขายบุหรี่ไฟฟ้าและยาแก้ไอก็จะนำมาเลี้ยงดูพ่อ แม่ และคนในครอบครัว แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้ทำสิ่งผิดกฎหมาย


ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหา คือ 1.เป็นผู้ขายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่มีใบอนุญาต (พรบ.ยา ฯ มาตรา 12)
2.มิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต (พรบ.วิชาชีพเภสัชกรรม มาตรา 28)
3.พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560  “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ  หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี  หรือของต้องห้าม  หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักร  โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าพระ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง