สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานเราส่ง คุณศจี ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าวของเราไปคลุกวงใน เกาะติดดูการประชุม ก.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผลสุดท้ายก็ไม่ได้ผิดไปจากที่มีหนึ่งใน ก.ตร. ออกมาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แล้วหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ไปลงสนามข่าวนี้กับ คุณศจี วงศ์อำไพ
ถ้าลองสรุปเรื่องราวทั้งหมด หลังจากที่ "บิ๊กโจ๊ก" ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ แล้วเจ้าตัวก็พยายามอุทธรณ์ว่า คำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่แปลกที่การประชุม ก.ตร. เมื่อวานนี้ จะถูกจับตามองว่า จะเป็นการชี้ชะตาของ "บิ๊กโจ๊ก" นั่นเพราะ ทั้ง "บิ๊กโจ๊ก" และ "ก.ตร." เอง ต่างก็นำเรื่องความเห็นของ "กฤษฎีกา" โยนให้คณะอนุฯ ก.ตร.วินัย พิจารณา ทำให้วันนั้น คณะกรรมการที่เข้าประชุมด้วยกัน 15 เสียง ต้องถกเถียงกันทุกประเด็น ไล่มาตั้งแต่เรื่องที่มีการกล่าวหา "บิ๊กโจ๊ก", เรื่องของสำนวนคดี, ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ความเห็นของ "กฤษฎีกา"
ผลที่ออกมา 14 เสียง เห็นชอบ และ งดออกเสียง 1 เสียง จากนั้นมติถูกส่งเข้าที่ประชุม "ก.ตร." ชุดใหญ่ โดยมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง "พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ" แถลงชี้แจงเหตุผลที่ต้องลงนามคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการไว้ก่อน ด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนจะขออนุญาตไม่ร่วมลงคะแนนเสียง เพราะมองว่าตนเองเป็นคู่ขัดแย้ง
หลังประชุมเสร็จ ก.ตร. แต่ละคน เลี่ยงพบผู้สื่อข่าว ปฏิเสธให้ข้อมูลหรือความเห็นใด ๆ หลังช่วง 1-2 วันนี้ มีข่าว "บิ๊กโจ๊ก" เดินหน้าฟ้องคู่กรณีแบบวันเว้นวัน
แต่ถ้ามองถึงผลลัพธ์ ทั้ง พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง หนึ่งใน ก.ตร. ที่เข้าประชุม หรือแม้แต่ตัว "บิ๊กโจ๊ก" เอง ก็มองคล้าย ๆ กันแต่แรก ว่าสุดท้ายแล้วต้องรอ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระชี้ขาด เพราะมีผลบังคับตามกฎหมาย และถ้าผลเป็นลบกับ "บิ๊กโจ๊ก" ก็ยังเหลือช่องทางสุดท้าย คือ ร้องเรียนกับศาลปกครองสูงสุด แต่นั่นเท่ากับจะหมดโอกาสเป็น "ผบ.ตร." ไปอีกหลายปี
