สาว 18 ชาวบุรีรัมย์เหยื่อ 2 ผัวเมียสาดน้ำกรดหน้าเสียโฉมใบหูขาด ต้องไลฟ์ขายเสื้อผ้ามือสองหารายได้เลี้ยงตัวเอง หลังศาลตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 25 ปี ชดใช้อีก 2 ล้าน แต่คู่กรณียังไม่เยียวยา แม้แต่บาทเดียว เผย ไม่อยากเป็นภาระครอบครัว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องแม่ต้องหยุดทำงานมาดูแล
หลังจากที่ศาลจังหวัดนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้พิพากษาตัดสินจำคุกนายเจษฎาภรณ์ และ น.ส.อังคณา สองสามีภรรยา ที่ร่วมกันก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่ นน้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่งในเขตเทศบาลตำบลนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค. 2566 เพราะแค้นที่เคยถูกแจ้งความฐานพรากผู้เยาว์ และทำให้เสียทรัพย์ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้น้องอั้ม โดนน้ำกรดทั้งที่ใบหน้า ดวงตา หน้าอกอาการสาหัส รักษาตัวที่ รพ.นานกว่า 4 เดือน ให้จำคุกจำเลยคนละ 25 ปี และชดใช้ค่าเสียหายอีก 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา ถึงแม้ทางครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรม ที่ผู้กระทำผิดถูกลงโทษตามกฎหมายแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่มีการเยียวยาค่าเสียหายตามคำสั่งศาลแม้แต่บาทเดียว
ล่าสุด น้องอั้ม เหยื่อที่ถูกสาดน้ำกรดหน้าเสียโฉม ใบหูข้างซ้ายขาด ก็ได้ไลฟ์ขายเสื้อผ้ามือสองอยู่ที่บ้าน เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองแบ่งเบาภาระครอบครัว เพราะปัจจุบันแม้สภาพร่างกายและจิตใจจะเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกหรือทำงานได้เหมือนคนทั่วไป เพราะยังต้องไปหาหมอเพื่อรักษาดวงตา และหูที่ถูกน้ำกรดสาดอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็ใช้เวลาว่างที่อยู่ที่บ้านไลฟ์ขายเสื้อผ้ามือสองเพื่อหารายได้ เพราะไม่รู้ว่าคู่กรณีจะชดใช้ตามคำสั่งศาลหรือไม่ ก็ต้องพึ่งพาตนเองให้มากที่สุดไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว ซึ่งเธอยอมรับว่าบางวันก็ขายได้บางวันก็ขายไม่ได้ แต่ก็ไม่ท้อก็ยังไลฟ์ขายเกือบทุกวัน ก็มีคนที่เขาสงสารเข้ามาอุดหนุน พร้อมทั้งให้กำลังใจด้วย
น้องอั้ม บอกว่า ที่ออกมาไลฟ์สดขายเสื้อผ้าเพราะอยากหารายได้ด้วยตัวเอง ไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว เพราะที่ผ่านมายายต้องหยุดขายอาหารตามสั่ง ส่วนแม่ก็ต้องเลิกทำงาน เพื่อมาดูแลตัวเอง จนทุกวันนี้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็อยากพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด หากใครอยากอุดหนุนก็สามารถเข้าไปอุดหนุนได้ทางเพจเสื้อผ้ามือสองโคราช ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยอุดหนุนและเป็นกำลังใจ
ด้าน แม่น้องอั้ม บอกว่า แม้สภาพร่างกายและใบหน้าน้องจะยังไม่เป็นปกติ แต่น้องก็เริ่มจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว น้องก็อยากจะไลฟ์ขายเสื้อผ้าเพราะอยากหารายได้ด้วยตัวเอง เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องน้องเคยไปขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ก็ดีใจที่น้องสามารถพึ่งตัวเองได้ตนเองก็คอยให้กำลังใจและช่วยน้องแพ็คของและเอาไปส่งให้ เพราะถ้าจะรอเงินเยียวยาจากคู่กรณีก็ไม่รู้เขาจะเยียวยาวหรือไม่ ก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยอุดหนุนเสื้อผ้าน้อง
