รวบพ่อทาสยา เคยจะเผาลูกสาวบูชายัญ และบุกบ้านอดีตพี่สะใภ้ขโมยกล้องวงจรปิด

รวบพ่อทาสยา เคยจะเผาลูกสาวบูชายัญ และบุกบ้านอดีตพี่สะใภ้ขโมยกล้องวงจรปิด

View icon 118
วันที่ 3 ก.ค. 2567 | 20.14 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบหนุ่มวัย 37 ปี ติดยาเสพติดอย่างหนัก บุกบ้านอดีตพี่สะใภ้ขโมยกล้องวงจรปิด ก่อนหน้านี้ เคยจะเอาลูกสาวแท้ ๆ ไปเผาไฟบูชายัญ โชคดีอดีตภรรยาช่วยลูกทัน สุดท้ายศาลสั่งให้หย่ากัน

วันนี้ (3 ก.ค. 67) น.ส.อังษา อายุ 49 ปี เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวานนี้ ว่า นายประจักษ์ อดีตน้องเขยได้บุกมาที่บ้านใน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ใช้ดาบฟันกล้องวงจรปิด และเอากล้องวงจรปิดไป หลังจากตรวจดูเซิร์ฟเวอร์ ก็พบภาพนายประจักษ์ถือดาบมาฟันกล้องและเอากล้องไป ส่วนสาเหตุเพราะเสพยาจนหลอน และโกรธที่ น.ส.จิตตรา อายุ 37 ซึ่งเป็นน้องสาวของตนและเป็นอดีตภรรยาของนายประจักษ์ และลูกสาววัย 12 ปี มาอาศัยอยู่บ้านพี่สาวหลังจากศาลสั่งให้หย่ากันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ทาง น.ส.อังษา เล่าว่า พวกตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่งงานและสร้างบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน พ่อ-แม่เสียชีวิตหมดแล้ว ตนเป็นพี่สาวคนโต ซึ่ง น.ส.จิตรา แต่งงานกับนายประจักษ์มา 13 ปี มีลูกสาวอายุ 12 ปี ระยะแรกนายประจักษ์ทำงานก่อสร้างและชอบดื่มเหล้า เมียจึงหอบลูกหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ทางนายประจักษ์ไปตามกลับมาและสัญญาจะเลิกเหล้า แต่หลังจากมาอยู่ด้วยกันไม่นานก็เลิกเหล้าได้แต่กลับติดยาบ้าแทน ไม่ยอมทำงาน พอมีอาการหลอนก็จะทำร้ายเมีย ทางน้องสาวตนจึงฟ้องหย่า ศาลได้สั่งหย่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายประจักษ์ก็ยังกลับมารังควาน เมียกับลูกเป็นประจำ จนอยู่บ้านไม่ได้

โดยนายประจักษ์เคยเข้ามางัดเหล็กดัดหน้าต่างห้องของน้องสาว และเคยใช้มีดตัดหลังคาโรยตัวลงมาห้องครัว เพื่อจะเข้ามาหาลูก-เมีย แถมยังทุบบ้านจนลูกเมียอยู่ไม่ได้ หนักสุดขณะลูกสาวนอนป่วยอยู่ในบ้าน นายประจักษ์ได้เข้ามาก่อไฟหน้าบ้าน แล้วอุ้มลูกออกมาจะโยนใส่กองไฟเพื่อบูชายันต์ แต่น้องสาวมาช่วยลูกไว้ได้ทัน เคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่มาทำลายกล้องวงจรปิด

ขณะที่ น.ส.จิตตรา อายุ 37 ปี อดีตภรรยาของนายประจักษ์ เล่าวว่า วันที่อดีตสามีจะเอาลูกสาวไปเผา เขาเข้ามาที่บ้านลักษณะคล้ายเมายามาทวงเงิน 200,000 บาท เป็นค่าหย่าบอกว่าไม่มีเงิน จากนั้นก็ไปก่อกองไฟหน้าบ้าน ตนบอกลูกสาวให้เข้าไปหลบอยู่ในห้องนอน หากตนไม่ออกไปเขาก็จะพังบ้าน แต่พอตนออกไปนายประจักษ์ก็เดินเข้าไปอุ้มลูกบอกว่าจะเอาไปเผาบูชายัญ ตนก็รีบเข้าไปช่วยลูกสาวได้ทัน ส่วนเรื่องหย่า นายประจักษ์เรียกเงินค่าหย่า 200,000 บาท ให้เป็นการจ้างหย่า   ตนต้องดำเนินการเป็นฟ้องหย่าเอา ศาลตัดสินให้ตนดูแลบุตรเป็นผู้เดียวไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนและลูกสาวอีก

ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาพบ น.ส.อังษา และ น.ส.จิตตรา เพื่อสอบถาม ก่อนเดินทางไปพบ นายประจักษ์ โดยนายประจักษ์เดินออกมาพบตำรวจแต่โดยดี ตำรวจได้ตรวจค้นร่างกายและแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า ) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อสังคม” ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก 

ด้าน นายประจักษ์ เล่าว่า ตนไม่ได้เอาลูกสาวไปเผา ตนอุ้มลูกออกมาเพราะเห็นว่าไม่ยอมออกมาหาพ่อ ส่วนที่ไปฟันกล้องนั้น มีคนบอกให้ตนเอากล้องออกเพราะมีตาอยู่ที่ตัวกล้อง ส่วนเงิน 200,000 บาท ก็ไม่ได้ไป ยอมรับว่าเมื่อวานตนเสพยาบ้า ไป1 เม็ด

ขณะที่ แม่ของนายประจักษ์ เล่าว่า ลูกชายจะเอาหลานสาวไปเผานั้นตนคิดว่าอาจจะโมโหเมีย ซึ่งอดีตลูกสะใภ้พูดเกินความจริง ส่วนเรื่องเงิน 200,000 บาท ที่ลูกชายเรียกร้องนั้นเพราะหมดเงินไปเยอะจากการสร้างบ้านอยู่ด้วยกันกับอดีตภรรยา โดยได้เอาที่นาไปขาย 7 ไร่ ที่ดินอีก 3 ไร่  และสวนอีก 3 ไร่ สุดท้ายเมียก็ฟ้องหย่าไล่หนี และยอมรับว่าลูกชายติดยาเพสติดมาได้ 2-3 ปี

และ พ่อเลี้ยงของนายประจักษ์ เล่าว่า อดีตภรรยาของนายประจักษ์ทำไม่ถูกถึงขั้นฟ้องหย่ากัน เพราะนายประจักษ์ได้ขายที่นาไปหลายไร่ เพื่อนำเงินไปสร้างบ้านอยู่กับเมีย การที่นายประจักษ์ขอเงิน  200,000 บาท ในการหย่ากัน แต่อดีตภรรยาไม่ยอมจ่ายเงินให้สักบาท