เฝ้าดูผู้ต้องหาฆ่าตัดคอตา อย่างใกล้ชิด หลังจากการสอบปากคำ แล้วเกิดความเครียด

เฝ้าดูผู้ต้องหาฆ่าตัดคอตา อย่างใกล้ชิด หลังจากการสอบปากคำ แล้วเกิดความเครียด

View icon 105
วันที่ 4 ก.ค. 2567 | 17.54 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เฝ้าดูผู้ต้องหาฆ่าตัดคอตา อย่างใกล้ชิด หลังจากการสอบปากคำ แล้วเกิดความเครียด อยากจะฆ่าตัวตายตาม ขณะที่ผู้ต้องหาให้การ ก่อเหตุขณะตาหลับบนเก้าอี้ เดินวนเวียนไปมา ก่อนคว้ามีดอีโต้ฟันคอตาจากด้านหลัง 2 ครั้งจนขาด ขณะก่อเหตุ รู้ตัวแต่ควบคุมตัวเองไม่ได้

4 ก.ค. 67 จากกรณีที่ นายไอซ์ อายุ 23 ปี ชาวบ้านนาคำ หมู่ 15 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ที่ก่อเหตุใช้มีดปาดคอ นายสาย อายุ 86 ปี ซึ่งเป็นตาแท้ๆเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ภายในที่นาของตา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังก่อเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัวไว้ได้ หลังจากคุมตัว เข้าห้องควบคุมที่ สภ.หนองเรือ ก็ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหา แต่ไม่พบสารเสพติด ซึ่งจะต้องให้แพทย์ที่ รพ.ทำการตรวจเลือดซ้ำ เนื่องจากมีข้อมูลจากพยานแวดล้อมว่า ผู้ต้องหาพัวพันกับยาเสพติด แต่ยังตรวจไม่พบ จึงต้องตรวจซ้ำ

ตำรวจทำการสอบสวนพยานแวดล้อมและบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหา รวมถึงสอบสวนมารดาของผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทราบประวัติของผู้ต้องหา จากแม่ว่า ลูกชายมีอาการทางจิตเวชมาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากปัญหาในครอบครัว เพราะพ่อแม่แยกทางกัน แต่ก็ส่งลูกเรียนหนังสือจนจบชั้น ม.3 จากนั้นก็พาลูกชายรักษาอาการทางจิตเวชมาโดยตลอด และพักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยที่แม่ไม่ได้พูดถึงการติดยาเสพติดของลูกชาย แต่แม่ยืนยันว่า ลูกชายอาศัยอยู่ที่บ้านที่อยู่ในที่นา บริเวณเดียวกับกระท่อมนาของตา ช่วยตาเกี่ยวหญ้าเลี้ยงควาย ช่วยตาตัดหญ้าในนา ทำไร่อ้อยช่วยตา และไม่เคยมีอาการผิดปกติ จนกระทั่งก่อเหตุเช่นนี้ขึ้นโดยไม่มีอะไรเตือนมาก่อน

ก่อนเกิดเหตุ แม่ไม่ได้ไปที่นา 4 วัน มีเพียงพ่อเลี้ยงที่ไปที่ที่นาทุกวัน เอาข้าว เอาอาหารไปส่งให้ลูกชายกับพ่อตาทุกวัน ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติ และไม่มีใครสังเกตุได้ว่าลูกชายจะก่อเหตุฆ่าตาตัวเอง ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นหลังคุมตัวได้แล้วนั้น

ผู้ต้องหาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่า ตนเดินไปมาในบริเวณกระท่อมนาของตา ก็เห็นตานั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งก็ไม่ได้คุยกัน มองไปอีกที ก็เห็นตานั่งหลับ และไม่รู้มีอะไรดลใจให้หยิบมีดอีโต้ที่วางอยู่ในกระท่อม ฟันไปคอของตาขณะนั่งหลับ ฟันไป 2 ครั้ง คอตาก็ขาด จากนั้นไม่รู้จะทำอะไรต่อ จึงหิ้วหัวตาเดินไปหาพ่อเลี้ยงที่บ้าน แต่ยังไม่ถึง จึงวางหัวตาไว้บนแคร่ กระทั่งพ่อเลี้ยงเดินมาพบ และบอกให้นำหัวตาไปคืนตา จึงเดินเอาหัวตาไปวางไว้บนตักตา

และช่วงถูกสอบสวนซ้ำ ผู้ต้องหาก็เล่าให้ฟังเหมือนเดิม แต่ในครั้งนี้ ผู้ต้องหามีอาการเศร้า เสียใจ และมีอาการสำนึกผิด โดยบอกว่า เสียใจ ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตายตามตาไป  ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นอาการของผู้ต้องหาเป็นเช่นนี้ จึงประสานแพทย์จิตเวชมาตรวจอาการของผู้ต้องหาและจัดเวรยามเฝ้าตลอดเวลา เพราะเกรงผู้ต้องหาคิดสั้น และเปลี่ยนเวลาส่งศาลเป็นช่วงเช้าวันที่ 5 กค.2567

ข่าวที่เกี่ยวข้อง