ข่าวเย็นประเด็นร้อน - ตำรวจยืนยัน "ยางูหมายเลข 7" ไม่เกี่ยวกับการตายของชาวเวียดนาม 6 ศพ แต่จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัด พร้อมเร่งตามตัว "ไทเกอร์" มาสอบปากคำ หลังไกด์ชาวเวียดนามอ้างว่า ได้ติดต่อให้ไปซื้อยาให้กับหนึ่งในผู้เสียชีวิต
ตำรวจยัน ยางู ไม่เกี่ยวคดีวางยา 6 ศพ
จากคดีการเสียชีวิต 6 ศพของชาวเวียดนาม เหตุเกิดโรงแรมหรูกลางกรุง คาดการณ์กันว่า บุคคลที่วางยาพิษ น่าจะอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต โดยใช้สารไซยาไนด์ วางในน้ำชาและให้ทุกคนดื่ม ชนวนเหตุมาจากปมปัญหาหนี้สิน 10 ล้านบาท ที่ชักชวนกันมาลงทุนสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น
ล่าสุดวันนี้ (18 ก.ค.) พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวถึงประเด็น "ยางูหมายเลข 7" ตามคำกล่าวอ้างของไกด์เวียดนาม ที่ทางหนึ่งในผู้เสียชีวิตสั่งให้ไปซื้อ โดยมีบุคคลชื่อ "ไทเกอร์" เข้ามาเกี่ยวข้องว่าตอนนี้ยังต้องรอพยานหลักฐานทางนิติเวชทั้งหมด เพื่อพิจารณาว่าจะเรียกใครมาสอบปากคำเพิ่มเติม
ส่วนประเด็น ยางูหมายเลข 7 ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี แต่จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดถึงแหล่งที่มาว่ามีการไปซื้อมาจากแหล่งใด เนื่องจากพฤติกรรมในการสั่งซื้อยาดังกล่าวมีความซับซ้อน และเชื่อมโยงกับนางสาวถิ เหวียน เฟือง หลัน จึงต้องสืบสวนให้สิ้นสงสัย
ขณะที่ชุดสืบสวนกำลังตามตัวบุคคลที่ชื่อ "ไทเกอร์" คาดว่าอาจเป็นบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับหนึ่งในผู้เสียชีวิต โดยจะนำตัวมาสอบปากคำประเด็นการซื้อยา
ส่วนแหล่งที่มาของไซยาไนด์นั้นยังไม่ทราบแหล่งที่มา มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการนำมาจากต่างประเทศ หรือหาจากในประเทศ ทั้งนี้ต้องรอการพิสูจน์ก่อน ส่วนน้องสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิต หากมีความเป็นไปได้ก็อยากได้ตัวมาสอบปากคำ ซึ่งอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อขอสอบปากคำ
ชุดทำคดียังต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะลายนิ้วมือแฝงที่อยู่บนกาน้ำชา และถ้วยกาแฟที่พบสารไซยาไนด์ รวมถึงผลการตรวจสอบอื่น ๆ จึงจะได้ความชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุวางยา
ยังพบไม่สารไซยาไนด์ ในหลักฐานชิ้นอื่น
ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยถึงวัตถุพยานที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่า จากการตรวจสอบวัตถุพยานในห้องที่เกิดเหตุ ยังมีแค่กาน้ำชา ซองชา และถ้วยกาแฟ 6 ถ้วย ที่พบสารไซยาไนด์ ส่วนวัตถุพยานที่ตรวจเก็บได้จากสัมภาระของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงยารักษาโรคทั่วไป ยังไม่พบว่ามีสารไซยาไนด์
ตอนนี้กำลังประสานตำรวจนครบาลเพิ่มเติม เนื่องจากสัมภาระของผู้เสียชีวิตที่เหลือทั้งหมด พบว่าบางกระเป๋ามีการล็อก ยังไม่ได้เปิด เนื่องจากต้องรอทางญาติของผู้เสียชีวิต และสถานทูตมาเปิดพร้อมกัน ต้องตรวจสอบว่ายังมีวัตถุพยานใดที่ต้องให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ส่วนกรณีการตรวจสอบลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอจากวัตถุพยาน ขณะนี้ยังรอรายงานผลอยู่
เปิดหลักฐานจดหมายปริศนา
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้หลักฐานเป็นจดหมายที่ตำรวจได้จากโทรศัพท์ของนางสาวเชอรีน ชอง หนึ่งในผู้เสียชีวิต และถูกพุ่งเป้าว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องไซยาไนด์ โดยจดหมายเขียนเป็นภาษาจีน มีใจความว่า “เงินคือทาสของฉัน เมื่อฉันต้องการให้มันมา มันก็มา เมื่อฉันต้องการให้มันเยอะ มันก็จะเยอะ เงินไล่ตามฉันอยู่เสมอ เพราะว่าพลังงานของฉันแข็งแกร่ง ยิ่งพลังงานแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ โชคด้านการเงินก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ความรักคือพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ เงินมักจะมาพร้อมกับความรัก ฉันเข้าใจความลับของความรัก เงินจึงตามติดฉันตลอดไป คนที่มองเงินเป็นที่ตั้งนั้น ล้วนเป็นพวกคนจน จักรวาลนี้ชอบให้เงินกับฉัน เพราะฉันชอบช่วยเหลือผู้คน โลกชอบเล่นกับฉัน เพราะฉันเป็นคนดีและมีเมตตา เงินทุกบาททุกสตางค์ของฉัน คือความเมตตา พื้นแผ่นดินนี้ชอบให้เงินกับฉัน เพราะฉันรักและทะนุถนอมทรัพย์ ดังนั้นเงินจึงไม่มีที่สิ้นสุด ความรักไหลเวียนอยู่ในร่างกายของฉัน พลังงานไหลเวียนอยู่ในร่างกายของฉัน เงินไหลเวียนอยู่ในร่างกายของฉัน ฉันมีความรักมากมาย และฉันมีเงินทองมากมาย”
โดยมีรายงานจากชุดสืบสวนว่า จดหมายฉบับนี้เป็นรูปภาพที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของนางสาวเชอรีน ชอง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นจดหมายที่เจ้าตัวเขียนเองหรือไปถ่ายมาจากที่อื่น
แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาแล้ว กลับเป็นเรื่องของความเชื่อบางอย่าง ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีการตาย 6 ศพหรือไม่ โดยตำรวจตัดประเด็นนี้ออกไปก่อน