แก๊งลูกตร.กร่าง บุกฟันหนุ่มสาหัส คดีไม่คืบ

View icon 221
วันที่ 24 ก.ค. 2567 | 16.22 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เด็กหนุ่มนั่งกินข้าวกับเพื่อน ๆ กันอยู่ในบ้าน อยู่ดี ๆ มีกลุ่มวัยรุ่นที่ไม่รู้จัก ขี่รถจักรยานยนต์มากว่า 10 คัน เข้ามาถึง ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปรี่เข้ามาไล่ฟันทันที

ในคลิปจะเห็นว่า น้อง ๆ กำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนอยู่ภายในพื้นที่บ้าน จากนั้นได้มีวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาหลายคัน พอมาถึง ปรี่เข้ามาไล่ฟันกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่ทันที ทำให้ต้องวิ่งหนีตาย วิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง ลูกเจ้าของบ้านหนีไม่ทัน ล้มเสียก่อน ทำให้ถูกฟันยับไปทั้งตัว

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสัญญา อายุ 45 ปี พา นายณัฐพงศ์ อายุ 20 ปี ลูกชายที่ถูกฟันบาดเจ็บสาหัส มาร้องขอความเป็นธรรมจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้ามาทำร้ายลูกชายและเพื่อนภายในบ้านพักที่จังหวัดสกลนคร ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เบื้องต้นไปแจ้งความไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า เชื่อว่าเป็นเพราะกลุ่มวัยรุ่นที่บุกมาทำร้ายเป็นลูกหลานของตำรวจในพื้นที่

นายณัฐพงศ์ ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดเมื่อช่วง 23.20 น. ของวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนรวม 5 คน อยู่ที่เพิงพักบริเวณหลังบ้าน จู่ ๆ มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 12 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในหมู่บ้าน จากนั้นมีวัยรุ่น 5 คน ตะโกนถามว่า "ไอ้เต๋ออยู่ไหน" แล้วก็วิ่งถือมีดเข้ามาไล่ฟันตนและเพื่อนทันที ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

ซึ่งตนนั่งอยู่ริมสุด ทำให้ถูกฟันเข้าที่บริเวณเอว จนต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด แต่ตนโชคร้ายสะดุดล้มลงกับพื้น ทำให้ถูกรุมฟันที่ศีรษะ ใบหน้า และลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะถูกฟันจนกระโหลกแตก แพทย์ทำการรักษาเย็บบาดแผลทั่วตัวมากกว่า 100 เข็ม รวมถึงต้องส่งตัวไปศัลยกรรมจมูกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เนื่องจากโรงพยาบาลแรกไม่สามารถเย็บบาดแผลที่จมูกให้ได้ รวมระยะเวลาที่ต้องพักรักษาตัวนาน 1 เดือน

เรื่องที่เกิดขึ้น ตนคาดว่ากลุ่มวัยรุ่นตั้งใจมาทำร้ายคู่อริที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน แต่ไม่พบตัว แล้วมาเห็นกลุ่มตนนั่งกินข้าวกันอยู่ จึงเข้ามาทำร้ายเพื่อประกาศศักดิ์ดา หลังก่อเหตุ กลุ่มวัยรุ่นยังโพสต์ภาพอาวุธมีดกับปืนลงในโซเชียล อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

นายณัฐพงศ์ มีบาดแผลฉีกขาดบริเวณกลางหน้าผาก ขนาดยาว 4 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณจมูกข้างซ้าย ขนาดยาว 5 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณริมฝีปากบนข้างซ้าย ขนาดยาว 3 เซนติเมตร และบริเวณริมฝีปากล่างข้างซ้าย ขนาดยาว 2 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณคางด้านซ้าย ขนาดยาว 3 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณหนังศีรษะข้างซ้ายบน ขนาดยาว 6 เซนติเมตร, พบกะโหลกส่วนบน บาดแผลฉีกขาดบริเวณหัวไหล่ข้างซ้าย ขนาดยาว 4 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณหลัง จำนวน 4 แผล แต่ละแผลมีขนาดยาว 10 เซนติเมตร, 12 เซนติเมตร, 12 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตร, บาดแผลฉีกขาดบริเวณสะโพกข้างขวา ขนาดยาว 3 เซนติเมตร

ขณะที่ นายสัญญา พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ตนได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วานรนิวาส แต่ผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้ว คดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า ตำรวจเพียงเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพียง 8 คน อ้างว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้ซัดทอดไปยังคนอื่น แต่ตนเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะมีมากกว่านั้น แต่อาจเป็นลูกหลานของตำรวจ จึงกันออก และทำให้คดีล่าช้า

นอกจากนี้ ตำรวจยังโทรศัพท์มาเจรจาให้ตนยินยอมไกล่เกลี่ย แล้วรับเงินค่าเสียหาย 100,000 บาท เพื่อจบเรื่อง อ้างว่ากล้องวงจรปิดเห็นภาพไม่ชัด และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชน มีอายุ 19 ปี เพียงแค่ 1 คน หากขึ้นศาลเยาวชนโทษก็ค่อนข้างน้อย แต่ตนยืนยัน ต้องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุจนถึงที่สุด เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้โหดร้ายมาก ลงมืออย่างเหี้ยมโหด กะทำร้ายลูกตนเองให้ตาย

ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่แย่มาก ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานตำรวจ หรือผู้มีอิทธิพล ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยหลังจากนี้ตนจะประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร ให้เข้ามาตรวจสอบและเร่งรัดคดีดังกล่าว พร้อมทั้งจะพาผู้เสียหายไปยื่นขอคุ้มครองสิทธิกระทรวงยุติธรรม

ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถาม พันตำรวจเอก พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ ผู้กำกับการ สภ.วานรนิวาส ระบุว่า ได้มีการสอบถามร้อยเวรเจ้าของคดีแล้ว ทราบว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาแจ้งข้อกล่าวหา ยืนยันว่าทราบตัวผู้กระทำความผิดแล้ว มีการออกหมายเรียกแล้วประมาณ 5 คน มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชน แต่ผู้ต้องหายังไม่มาพบตำรวจ

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายบอกว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุมากกว่านี้ แต่ไม่ถูกออกหมายเรียก จึงกลัวว่าจะเป็นเพราะเป็นลูกหลานตำรวจหรือไม่นั้น ผู้กำกับฯ ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน หากเป็นตำรวจก็คงไม่กล้าช่วยกันขนาดนี้ แต่การดำเนินคดี ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน บางครั้งหากมีแต่กล้องวงจรปิดบางส่วน ก็ต้องหาพยานมายืนยันด้วย ซึ่งยืนยันว่า หากพบความผิด ก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมดให้ครอบคลุม

ทั้งนี้ ยอมรับว่า ความล่าช้าที่อาจเกิดจากการดำเนินการของร้อยเวรเจ้าของคดี ที่ทำให้ผู้เสียหายกังวลใจ ซึ่งตนได้ตำหนิและกำชับไปยังหัวหน้างานสอบสวนให้เร่งดำเนินการแล้ว และจะประสานไปยังผู้เสียหายด้วย แต่ยืนยันว่า กระบวนการตอนนี้ยังอยู่ในกรอบเวลา 2 เดือนของการดำเนินคดีในอำนาจของร้อยเวร

สำหรับประเด็นที่ผู้เสียหายบอกว่า ทางตำรวจมีความพยายามขอให้ไปไกล่เกลี่ยนั้น ยังไม่ทราบประเด็นนี้ ยืนยันว่า ไม่มีใครมาพูดคุย ขอให้ประวิงเวลาในการดำเนินคดี

ต่อมาช่วงบ่าย ทีมงานสายไหมต้องรอดได้พาผู้เสียหาย เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องเงินเยียวยาจากการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม การขอความช่วยเหลือในด้านทนายความในการฟ้องร้องคดี และเรื่องการคุ้มครองพยาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง