ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เหตุการณ์ฆ่าปาดคอพ่อลูกที่สระบุรี ซึ่งลูกอายุ 14 ปี เสียชีวิต ส่วนพ่อเจ็บสาหัส แล้วมีการใช้เลือดเขียน 1169 แนวทางการสืบสวนของตำรวจ สันนิษฐานว่า คนก่อเหตุ น่าจะเป็นพ่อ ซึ่งบาดเจ็บสาหัส เพราะว่ามีสัญญาณการก่อเหตุเกิดขึ้นล่วงหน้า 1 วัน
จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ฆ่ากันตายที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่ 4 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ซึ่งตำรวจไปตรวจสอบ พบเด็กชายบุญศิล อายุ 14 ปี หรือน้องหยก เสียชีวตในห้องนอน และพบนายบุญฤทธิ์ หรือเจ๋ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพ่อของเด็กชายที่เสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสอยู่ข้าง ๆ กัน ที่เกิดเหตุ ใกล้ตัวผู้เป็นพ่อที่บาดเจ็บ พบกระดาษเขียนคาถา 1 แผ่น ด้านหน้าประตูห้องเกิดเหตุ มีกระดาษถูกเขียนด้วยเลือดว่า "รถ 1169" ส่วนใต้บันไดบ้านพบมีดปังตอเปื้อนเลือด 1 เล่ม
วันนี้ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน ลงพื้นที่เกิดเหตุที่บ้านหลังดังกล่าว ยังมีเสื้อซึ่งถูกใช้คลุมหัวและคอของผู้เป็นลูก ถูกทิ้งไว้บริเวณกองเลือด และยังพบสร้อยพระเครื่องวางทิ้งไว้บริเวณประตูบ้าน ทีมข่าวได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน ที่มีรั้วบ้านติดกัน เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวานนี้
คุณจุไร บัวชุลี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ปกติบ้านนี้จะอยู่ 4 คน คือพ่อลูก และปู่ ย่า โดยคนผู้เป็นพ่อที่บาดเจ็บสาหัส จะมาคุยกับที่บ้านอยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็พูดคุยเรื่องปัญหาในบ้าน เรื่องเงินที่ใช้จ่ายในครอบครัว เท่าที่เห็นเป็นคนที่รักลูกมาก ทุกเช้า จะเห็นคนที่เป็นพ่อขี่รถจักรยานยนต์ส่งลูก คนที่เสียชีวิต ไปโรงเรียน แต่เมื่อวานนี้รู้สึกแปลกใจ ที่ไม่เห็นผู้เป็นพ่อ ไปส่งลูกเหมือนเดิม กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. กว่า ได้ยินเสียงคนเป็นพ่อร้องโอ๊ย จะเดินเข้ามาดูก็ไม่กล้าเข้า เพราะกลัวหมากัด
วันนี้ญาติๆ นำศพของน้องหยก ผู้เป็นลูก มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดไก่จ้น อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ป้าของน้องหยก ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ๋ เล่าว่า เห็นอาการแปลกๆ ของเจ๋ ผู้เป็นพ่อ ตั้งแต่คืนวันที่ 21 ต่อช่วงเช้ามืดวันที่ 22 กรกฎาคม
โดยคืนวันนั้น เจ๋ โทรศัพท์ให้เธอกับสามี ไปรับที่โรงพยาบาลสระบุรี อ้างว่ากำลังถูกตามทำร้ายและถูกล้อมอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงตอน 01.00 น. กว่า ก็รู้สึกโกรธมาก เพราะเขาโกหกไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ระหว่างนั่งรถยนต์กลับมาที่บ้านของเธอ นายเจ๋ มีอาการเหมือนหวาดกลัวนั่งมองข้างหลังตลอด จนพามานอนที่บ้าน แล้วพอตอนเช้า ซึ่งเป็นวันเกิดของน้องหยกผู้เป็นลูก นายเจ๋ ผู้เป็นพ่อ กลับพาน้องหยกนั่งสวดมนต์ในตอนเช้า ก็รู้สึกแปลก ๆ แทนที่จะพาไปตักบาตร
พอตกตอนเย็นประมาณ 06.00 น. กว่า เธอก็ให้สามีขี่รถจักรยานยนต์ ไปส่งนายเจ๋และลูกที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 13 กิโลเมตร โดยภาพวงจรปิด นายเจ๋ไม่อยากกลับบ้าน นั่งอยู่ที่มานั่งหินอ่อนหน้าบ้าน ขณะที่ลูกชายสะพายกระเป๋าเตรียมตัวกลับ ส่วนสามีของเธอก็ยืนอยู่พร้อมที่จะไปส่ง
สุดท้าย นายเจ๋ ก็ยอมกลับบ้าน โดยสามีเธอเป็นคนขับ น้องหยกผู้เป็นลูกนั่งข้างหน้าสามีเธอ ส่วนนายเจ๋ นั่งด้านหลังสุด จังหวะนั้นเอง นายเจ๋พูดกับลูกชายผ่านหูสามีเธอว่า "ทนเจ็บเอาหน่อยนะลูกนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้" ซึ่งสามีเธอถึงกับสะดุ้งและตกใจกับประโยคนี้
บ้านของน้องหยก บอกด้วยว่า นายเจ๋ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาตั้งแต่น้องหยกอายุได้ไม่กี่เดือน เพราะเลิกกับภรรยามานานแล้ว แต่เพิ่งจะมาปรับทุกข์ให้ฟังบ่อย ๆ เรื่องไม่ค่อยมีงานทำไม่ค่อยมีเงิน ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นมา
บ้านที่เกิดเหตุอยู่กัน 4 คน คือพ่อลูกและปู่ย่า ตอนเกิดเหตุอยู่กันแค่ 3 คน คือพ่อลูกและย่า ตอนแรกก็มีความสงสัย ในตัวผู้เป็นปู่ ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า ปู่ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน ช่วง 09:26 น. หลังผู้เป็นย่าโทรศัพท์ไปแจ้งเหตุให้รู้
ทีมข่าวได้คุยกับ พลตำรวจเอก มนัสเวท ทองอิ่ม ผกก.สภ.บ้านหมอ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านหมอ ทราบว่านอกจาก การพูดกับลูกว่า ทนเจ็บเอาหน่อยนะลูกนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ นายเจ๋ ผู้เป็นพ่อ ยังได้ส่งข้อความทาง LINE ไปหาน้องสาวในช่วงวันที่ 22 กรกฎาคมว่า "พรุ่งนี้เราสองคนจะไปสบาย"
ตอนนี้ตำรวจเลยสันนิษฐานว่า ผู้เป็นพ่อหน้าจะเป็นคนลงมือสังหารลูก ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม ด้วยเหตุผลรู้สึกด้อยค่าในตัวเอง ไม่มีทางออกของชีวิต แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน
ส่วนมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ จากการสอบสวนผู้เป็นย่า ทราบว่าตอนแรก มีดอยู่ใกล้มือของผู้เป็นพ่อ แต่ย่านำไปโยนไว้ใต้บันได โดยให้เหตุผลว่า กลัวกู้ภัยจะมาเตะ และมีดเล่มนี้ ปกติผู้เป็นพ่อคือ นายเจ๋ เป็นคนใช้เพียงคนเดียว และจะลับมีดทุกวัน
นอกจากนี้ จากการสอบสวนผู้เป็นย่า อยากทราบว่า ทุกเช้าหลังทานข้าวเช้าเสร็จประมาณ 08.00 น. สองพ่อลูกมักจะสวดมนต์ด้วยกัน ซึ่งในวันเกิดเหตุ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุคือหลังสวดมนต์เสร็จ
ส่วนคาถาที่พบเขียนไว้ ทีมข่าวตรวจสอบดูแล้ว เป็นคาถาคุ้มครองตัว แต่ก็ไม่แน่ใจว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเจ๋ ผู้เป็นพ่อ จะพาลูกสวดคาถาบทนี้ด้วยหรือไม่