ลดโทษประหาร “บรรยิน” เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนธาริต-เสี่ยเปี๋ยง กลุ่มคดีจำนำข้าว ได้ลดวันต้องโทษ ผู้ต้องขัง 30,597 ราย ได้ประโยชน์จากพระราชกฤษฏีกาอภัยโทษ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกักขังแทนค่าปรับ
วันนี้ (17 ส.ค.67) นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยถึงกรณีมีราชกิจจานุเบกษามีการเผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่า พระราชกฤฎีกาพระราชทานอภัยโทษฉบับนี้ กำหนดเกณฑ์ผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับประโยชน์ จะต้องเป็นผู้ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปี ขึ้นกับจำนวนวันต้องโทษ ทำให้มีผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับประโยชน์จากพระราชกฤษฎีกาครั้งนี้ 30,597 คน โดยมีกลุ่มที่ได้ลดวันต้องโทษ กลุ่มพักโทษ กลุ่มกักขังแทนค่าปรับ และกลุ่มที่ได้พ้นโทษ ซึ่งกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้ประโยชน์พ้นโทษ และได้ปล่อยตัวครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับ มีจำนวน 11,271 คน
ขั้นตอนหลังจากนี้ กรมราชทัณฑ์ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องขังที่มีคุณสมบัติให้ถูกต้อง โดยกลุ่มที่ได้ปล่อยตัวพ้นจากเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ต้องเสนอศาลเพื่อขอหมายปล่อยให้ก่อน ซึ่งรวมถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้มีคุณสมบัติได้รับประโยชน์จากพระราชกฤฎีกาพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ โดยโทษเดิมจะครบกำหนดพ้นโทษในวันที่ 31 ส.ค. 67 แต่ผลจากพระราชกฤษฎีกาครั้งนี้ จะได้เปลี่ยนแปลงลดจำนวนวันต้องโทษ ส่งผลให้พ้นโทษเร็วขึ้น แต่ต้องมีหมายปล่อยจากศาลก่อน
ขณะที่ผู้ต้องขังบิ๊กเนมที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง และพวกเข้าข่ายได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษน้อยลง คือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ได้ลดวันต้องโทษ ส่วนนายบรรยิน ตั้งภากรณ์ นักโทษคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ และคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาได้ลดโทษจากประหารชีวิต เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต สำหรับกลุ่ม สส.ภูมิใจไทยที่ต้องโทษคดีเสียบบัตรแทนกัน ยังไม่เข้าข่ายได้รับประโยชน์จากพระราชกฤษฎีกาฯ นี้ เพราะได้รับโทษยังไม่ถึง 1 ใน 3