นร.หญิง ม.3 นัดเคลียร์ปัญหา ถูกผลักเข้าห้องน้ำโรงเรียนทำร้ายบาดเจ็บ เพื่อนอีก 10 คน ยืนคุมเชิง

นร.หญิง ม.3 นัดเคลียร์ปัญหา ถูกผลักเข้าห้องน้ำโรงเรียนทำร้ายบาดเจ็บ เพื่อนอีก 10 คน ยืนคุมเชิง

View icon 273
วันที่ 27 ส.ค. 2567 | 16.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
กีฬาจบ คนไม่จบ นักเรียนหญิง ม.3 นัดเคลียร์ปัญหา แต่ถูกผลักเข้าห้องน้ำโรงเรียน ทำร้ายบาดเจ็บ อีกฝ่ายพาเพื่อนไป 10 คน ยืนคุมเชิง แม่รู้เรื่องพาแจ้งความ ขณะที่เขตการศึกษา สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (27 ส.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.67) เกิดเหตุนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ถูกเพื่อนทำร้ายบาดเจ็บ ภายในห้องน้ำโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในตัวเมืองระยอง โดยก่อนเกิดเหตุโรงเรียนจัดกิจกรรมแข่งกีฬาสี เด็กหญิงบี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี และเด็กหญิงเปิ้ล (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี ทั้งคู่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่อยู่คนละห้องเรียน ได้ลงแข่งแชร์บอลหญิง โดยระหว่างที่เด็กหญิงบีกำลังชูตลูกบอล แต่มือปัดไปถูกใบหน้าของเด็กหญิงเปิ้ล จากนั้นเด็กหญิงบี จึงได้ขอโทษเด็กหญิงเปิ้ล แต่เด็กหญิงเปิ้ล ไม่พอใจ เด็กหญิงบีจึงขอนัดเคลียร์ปัญหากับเด็กหญิงเปิ้ลหน้าห้องน้ำโรงเรียน

แต่ปรากฏว่าเด็กหญิงเปิ้ลได้ชวนเพื่อนมาด้วยอีกประมาณ 10 คน ส่วนเด็กหญิงบี ไปเพียงคนเดียว เมื่อถึงหน้าห้องน้ำ เด็กหญิงเปิ้ล ได้ดันเด็กหญิงบีเข้าไปทำร้ายภายในห้องน้ำ โดยมีเด็กหญิงนุชใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปขณะที่เด็กหญิงเปิ้ลก่อเหตุทำร้ายเด็กหญิงบี จนได้รับบาดเจ็บตามร่างกายและศีรษะ ส่วนเพื่อน ๆ ที่เหลือพากันยืนคุมอยู่หน้าห้องน้ำ หลังก่อเหตุเด็กหญิงเปิ้ลและเพื่อน ๆ จึงพากันเดินออกจากห้องน้ำ เมื่อเด็กหญิงบีกลับจากโรงเรียน จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองทราบ จากนั้นผู้ปกครองจึงพาเด็กหญิงบีเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองระยอง เพื่อดำเนินคดีกับเด็กหญิงเปิ้ล และเพื่อน ๆ โดยหลังจากรับแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวเด็กหญิงบีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลระยอง เพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดี

ขณะที่นางนิสา บรรจงการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี-ระยอง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ตนจะตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสั่งการไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุแล้ว ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี-ระยอง มีนโยบายให้โรงเรียนในสังกัดทุกแห่งระมัดระวัง และป้องกันไม่ให้นักเรียนก่อเหตุวิวาทภายในโรงเรียน ซึ่งตนเองจะหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง