ตำรวจไซเบอร์ รวบช่างภาพคอสเพลย์ สะสมคลิปโป๊เด็ก จนศูนย์ช่วยเหลือเด็กฯ อเมริกาแจ้งจับ เจ้าตัวรับ “เก็บไว้ดู ไม่ได้ขายต่อ”
สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับรายงานจากศูนย์ประสานงานช่วยเหลือเด็กหายและเด็กถูกละเมิดแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา (NATIONAL CENTER FOR MISSING & EXPLOITED CHILDREN) หรือ NCMEC ว่าพบการอัปโหลดสื่อลามกอนาจารเด็กจำนวนมากไปยังบัญชีเก็บข้อมูลระบบคลาวด์ของแบรนด์ดัง โดยพบว่าบุคคลที่ใช้อีเมล์ในการอัปโหลดอาศัยอยู่ในพื้นที่ประเทศไทย จึงได้ประสานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการกับบุคคลดังกล่าวภายใต้กฎหมายของประเทศไทย
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ดำเนินการกรณีดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิต่อเด็ก กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. หรือชุด TICAC จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้กระทำผิด และสามารถขออำนาจศาลออกหมายค้นเป้าหมายได้สำเร็จ
กระทั่งช่วงเช้ามืดของวันที่ 31 ส.ค. 2567 พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำกำลังชุด TICAC พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ ค593/2567 ลง 29 ส.ค.67 เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ม.6 ต.กระทุ่มแบน อ.อ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร พบนายไกรสรฯ อายุ 28 ปี บุคคลเป้าหมายอยู่ภายในบ้าน จึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือไอโฟนจำนวน 1 เครื่อง และ External Hard Disk จำนวน 1 ชิ้น
จากการตรวจสอบข้อมูลภายในอุปกรณ์ของกลางดังกล่าว พบการเข้ากลุ่มสื่อลามกอนาจารเด็ก บนแอปพลิเคชัน Band ซึ่งภายในกลุ่มมีสื่อลามกอนาจารเด็กจำนวนมาก ส่วนในอุปกรณ์ External Hard Disk ยังพบสื่อลามกอนาจารเด็กอีกจำนวนกว่า 4,000 ไฟล์ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์ของกลางส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนไม่ได้ทำงานประจำ มีเพียงการรับจ๊อบเป็นช่างถ่ายภาพคอสเพลย์ทั่วไป แต่ไม่เคยรับงานถ่ายภาพให้เด็ก เพียงแค่ตนมีรสนิยมทางเพศในการชอบดูสื่อลามกเด็กเท่านั้น จึงได้เก็บวิดีโอคลิปต่าง ๆ ไว้เพื่อดูเอง ไม่ได้มีการแชร์ต่อหรือขายคลิปใด ๆ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำอุปกรณ์ทั้งหมดไปตรวจสอบและขยายผลเพิ่มเติม หากพบว่ามีการหลอกลวงเด็ก หรือนำคลิปเด็กไปแสวงหาผลประโยชน์หรือจำหน่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
