เช้านี้ที่หมอชิต - ตามต่อคดีคลัสเตอร์ยาดองมรณะ ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตรวมแล้ว 8 คน วานนี้ตำรวจไปบุกค้นร้านเคมีภัณฑ์แบบผสมมือ ประเภทคาร์แคร์ หลังมีเบาะแสว่าได้จำหน่าย "สารตั้งต้น" ให้กับ "2 พี่น้อง" เพื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสุราขาว แล้วขายต่อให้กับ "เจ๊ปู" ไปใช้ผลิตยาดอง ล็อตที่มีปัญหา
จากการสอบปากคำ นายสุรศักดิ์ หรือ เอส และนายสุรชัย หรือ อาร์ต พี่น้องผู้ต้องหาผลิตสุราขาวเถื่อน ต้นเหตุคลัสเตอร์ยาดองมรณะ แล้วยอมรับว่าได้สั่งซื้อสารตั้งต้นมาจากอีกร้านหนึ่ง ไม่ใช่จากโรงงานที่คุณพิธพงษ์ ผู้สื่อข่าวของเรา เคยไปสอบถามครั้งแรก เพราะยังติดค้างชำระค่าสินค้าอยู่
เมื่อวานนี้เป็นคิวของ คุณดารินทิพย์ ผู้สื่อข่าวของเราอีกคน ลงพื้นที่ไปพร้อม ๆ กับตำรวจ สน.มีนบุรี ไปค้นที่ร้านดังกล่าว พบว่าเป็นร้านขายเคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดและดูแลรถ หรือ คาร์แคร์ ที่ทางร้านจะสั่งซื้อสารตั้งต้น หรือ หัวเชื้อ เป็นแกลลอน มาผสมเป็นน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดรถตามสูตรของทางร้านเอง
เราได้พบกับ "อีฟ" เจ้าของร้าน เธอยอมรับว่า เคยขาย แอลกอฮอล์ 95% ให้กับผู้ต้องหา ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยแอลกอฮอล์ตัวนี้เป็นชนิดที่กินได้ หรือ เอทิลแอลกอฮอล์ ซื้อมาผลิตทำเจลล้างมือ และสเปรย์แอลกอฮอล์ เพื่อขายช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 ระบาดเมื่อปี 2563 ซึ่งตอนนั้นยังถูกกรมสรรพสามิตสั่งปรับ เพราะมีแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด จนเวลาผ่านมาหลายปี แอลกอฮอล์ตัวนี้ยังเหลืออยู่ในโกดังจำนวนหนึ่ง ซึ่งล็อตสุดท้ายนี้ผู้ต้องหาเหมาไปทั้งหมด 18 แกลลอน หรือ 360 ลิตร เป็นเงิน 18,000 บาท ไม่มีเหลือขายที่ร้านแล้ว
พลตำรวจตรี เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 เผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บตัวอย่างสารเคมีทั้งหมดในร้าน รวมถึงแกลลอนบรรจุต่าง ๆ ไปตรวจพิสูจน์ทั้งหมดว่ามีส่วนผสมของเมทิลแอลกอฮอล์หรือไม่ และจะเรียกเจ้าของร้าน รวมถึงลูกจ้างอีก 5 คน ไปสอบปากคำหลังจากนี้
ส่วนเรื่องผู้ที่ดื่มยาดองมรณะเข้าไป ล่าสุดก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 8 คน รวมผู้ป่วยสะสม 44 คน เป็นผู้ป่วยใช้ท่อช่วยหายใจ 16 คน ฟอกไต 24 คน และปั๊มหัวใจขึ้นมา 6 คน
อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยอาการที่รักษาหายแล้ว 30 คน และอยู่ระหว่างรักษา 6 คน เป็นผู้ป่วยวิกฤตระดับสีแดง 4 คน สีเหลือง 1 คน และสีเขียว 1 คน