ข่าวเย็นประเด็นร้อน - มาตามกันต่อเรื่องความชัดเจนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 2 หลังจากก่อนหน้านี้กระทรวงการคลัง เลื่อนลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน ล่าสุด "นางสาวศิริกัญญา" ตั้งกระทูถามกลางสภาฯ โดย "นายจุลพันธ์" ชี้แจงชัดเจน กลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟนลงทะเบียนเดือนตุลาคมนี้
"จุลพันธ์" แจงกลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟนลงทะเบียน ต.ค.
ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสด เรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะแจกเงินสดให้แก่กลุ่มเปราะบาง ระหว่างวันที่ 25-30 กันยายน ว่า ทำไมจะต้องรีบจ่ายไม่เกินวันที่ 30 กันยายน เป็นเพราะติดขัดข้อกฎหมายหรือไม่ รวมทั้งขอความชัดเจนถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ตโฟนว่า จะลงทะเบียนเมื่อใด และยังสอบถามถึงการจัดซื้อจัดจ้างระบบชำระเงินที่ขณะนี้การจัดซื้อดังกล่าวได้ยกเลิกไปเมื่อเดือนที่แล้ว จึงอยากทราบว่า กำหนดการที่บอกว่า จะเสร็จในสิ้นปีนี้จะเลื่อนออกไปหรือไม่
โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงแทนว่า การโอนเงินเข้าบัญชีกลุ่มเปราะบางไม่เกินวันที่ 30 กันยายน ไม่ใช่เพราะติดปัญหาด้านข้อกฎหมาย แต่ไม่อยากให้เกิดการฟ้องร้องเกิดขึ้น ที่สำคัญกว่านั้น คือ จะกระทบปากท้องของประชาชน ดังนั้น รัฐบาลจึงพยายามลดผลกระทบในด้านนี้
ส่วนสาเหตุการเลื่อนลงทะเบียนของกลุ่มไม่มีสมาร์ตโฟน ไม่ใช่เลื่อนเพราะปัญหาของระบบ แต่ที่เลื่อนเพราะเกรงว่า จะเกิดความสับสนซับซ้อน หลังจากนี้ไม่นานเกินรอ คิดว่าอยู่ภายในกรอบเดือนตุลาคม คงจะเริ่มดำเนินการต่อให้เรียบร้อย
นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างระบบการจ่ายเงินจริง สาเหตุเพราะมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลขณะนั้น จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินอื่น ๆ และกำหนดการที่วางไว้เดิมว่า โครงการจะเสร็จช่วงปลายปี คงจะต้องเลื่อนไปช่วงหลังปีใหม่ รวมถึงยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ ภาครัฐก็ยังมีการพัฒนาระบบการจ่ายเงินตลอดเวลา
นายกฯ แต่งตั้ง "บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ"
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยคณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่กำหนดนโยบาย แนวทางการดำเนินโครงการ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ และแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
โดยคณะกรรมการมีทั้งหมด 22 คน มี นางสาวแพทองธาร เป็นประธานกรรมการ, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ 1, นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2, นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 3, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 4 นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการ อีก 17 คน
นายกฯ ปัดตอบ "เฟด"ลดดอกเบี้ยรอบ 4 ปี
ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ครั้งแรกในรอบ 4 ปี จะมีผลอย่างไรกับเศรษฐกิจไทย โดยระบุเพียงว่า เดี๋ยวถามรัฐมนตรี เราแบ่งงานรองนายกฯกันแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันการทำรัฐประหาร เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบ 18 ปี 19 กันยายน 2549 โดยนายกฯ ไม่ได้หันมาฟังคำถามและเดินขึ้นไปตึกไทยคู่ฟ้าในทันที
"ดนุพร" ลั่นรัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีก
แม้นายกฯจะไม่ได้ตอบเรื่องวันนี้ (19 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 18 ปี การทำรัฐประหาร แต่มีคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเรื่องนี้ คือ นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เมื่อ 18 ปีที่แล้ว คณะรัฐประหารได้ยึดอำนาจรัฐบาลพรรคไทยรักไทย สิ่งที่เราสูญเสียไป คือ โอกาสของประเทศ พี่น้องประชาชนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การรัฐประหาร คืออาชญากรรมร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ เป็นอาชญากรรมต่อระบอบประชาธิปไตย
ผลักประเทศให้เดินถอยหลังไปเกือบ 2 ทศวรรษ เราปฏิเสธการรัฐประหาร และรัฐประหารต้องไม่เกิดขึ้นอีก
ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน คนไทยอยู่กับรัฐธรรมนูญปี 2560 เปรียบเสมือนผลไม้พิษที่กัดกร่อนประชาธิปไตย วันนี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นทวงคืนโอกาสให้กลับมาสู่คนไทยทุกคน
"ภูมิธรรม" แนะมองรัฐประหารเป็นบทเรียน
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงวันครบรอบ 18 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ว่า ส่วนตัวคิดว่า ทุกคนอยู่กับปัจจุบันและอนาคต ไม่ได้อยู่กับอดีต ถ้ามัวแต่ไปยุ่งกับอดีตมาก จะทำงานไปข้างหน้ายาก อดีตให้เป็นบทเรียน ไม่ว่าจะด้านบวกหรือลบก็ไปเรียนรู้มัน แต่ปัจจุบันสำคัญที่สุด ถ้าไม่คิดแบบนี้ประเทศเดินไม่ได้ ต้องเริ่มต้นจากปัจจุบันและก้าวไปอนาคตดีกว่า
"วันนอร์" ชี้ถ้าขาดประชุมไร้เหตุผล ชงพ้น สส.ได้
ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า เพราะพลเอกประวิตรไม่ได้มาลงมติ 13 ครั้ง จากทั้งหมด 16 ครั้ง คิดเป็น 81.25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ สส.กำหนดไว้ว่า สส.ต้องไม่ขาดประชุมโดยไม่จำเป็น เว้นแต่เจ็บป่วย หรือมีเหตุสุดวิสัย
เรื่องนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา บอกว่า ยังไม่เห็นเนื้อหาที่ยื่นมา คิดว่า เจ้าหน้าที่รับไว้แล้ว ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนแล้วส่งมาถึงตน ทางสภาฯ จะพิจารณาว่า เนื้อหาตรงกับที่ยื่นหรือไม่ หากตรงกัน ก็จะส่งให้กรรมการจริยธรรมของสภาฯ พิจารณา
ซึ่งต้องดูว่า สมัยประชุมที่แล้ว หรือ สมัยประชุมนี้ พลเอก ประวิตร มาประชุมกี่ครั้ง และมีใบลาครบตามข้อบังคับหรือไม่ ซึ่งประชาชนตรวจสอบได้ เพราะทุกครั้งที่มีการประชุม ต้องเซ็นชื่อทุกครั้ง เพื่อแสดงตนว่า มาประชุม ส่วนใบลา ของพลเอก ประวิตร จะไม่มาถึงตน ส่วนมากการส่งใบลา จะอยู่ในขั้นของเจ้าหน้าที่ ถ้ามีการลาเกินก็จะรายงานมา แต่ถ้าขาดโดยไม่ลา หรือ ลาโดยไม่มีเหตุผลพอ ก็เสนอให้พ้นจากสมาชิกภาพได้ แต่ขึ้นอยู่กับใบลา และเหตุผล แล้วแต่สถานการณ์ ดังนั้นสภาฯต้องพิจารณาตามเหตุผล
"บิ๊กป้อม" ขน พปชร.ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม
ส่วนวันนี้ ที่มีการประชุมรัฐสภา พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ได้เข้าประชุม โดยวันนี้ พลเอก ประวิตร พร้อมด้วยรองหัวหน้าพรรค สส. กรรมการบริหารพรรค และพร้อมด้วยสมาชิกพรรค ร่วมลงพื้นที่ประสบอุทกภัยใน จังหวัดหนองคาย โดยมีประชาชนให้การต้อนรับ ตะโกนเรารักลุงป้อม, ลุงป้อมสู้ ๆ, บางคนก็มาขอจับมือ และขอถ่ายเซลฟี่ร่วมกับลุงป้อม
โดยพลเอก ประวิตร ได้นำถุงยังชีพมากกว่า 3,000 ชุด แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนหนองบัว, ชุมชนสระแก้ว (วัดศรีบุญเรือง), ชุมชนวัดธาตุใต้ ในเขตเทศบาลเมือง เพื่อให้ประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤตินี้ไปได้ พร้อมกำชับ สส. ในพื้นที่ ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
"ไพบูลย์" เผยรู้ตัวแล้ว 2 คนปล่อยคลิปเสียงลุง
ส่วนกรณีคลิปเสียงหลุดลุง ที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคประชารัฐ ออกมาประกาศยื่นฟ้อง นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ผู้ดำเนินรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่งนั้น และเคยออกมาบอกว่า พอรู้แล้วว่า ใครเป็นคนปล่อยคลิปเสียง
ล่าสุด นายไพบูลย์ บอกว่า จากการตรวจสอบร่วมกับทีม เบื้องต้น มีอย่างน้อย 2 คนที่เกี่ยวข้อง คาดว่า คนหนึ่งเคยเป็นสมาชิกพรรค ส่วนอีกคนหนึ่ง ปัจจุบันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อหรือตัวอักษรย่อ ถือว่า คลิปนี้ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการฟ้องตาม ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฉบับที่ 21 เรื่อง ห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด
ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็น คลิปดักฟัง คือ เจ้าตัวไม่ได้ต้องการให้ใครรับรู้เรื่องที่สนทนา หากเป็นบุคคลที่ดักฟังโทษจะเท่ากับผู้เผยแพร่ แต่หากเป็นผู้บงการให้บุคคลอื่นไปดักฟังโทษจะหนักขึ้น เรื่องนี้ก็ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับสังคม การจะไปใช้คลิปที่มาจากการลักลอบดักฟังมันผิดกฎหมาย จะนำมาเผยแพร่หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้