ฟื้นฟูเมืองแม่สายจากทะเลโคลน หน่วยทหารเพิ่มกำลังพลลงพื้นที่เป็น 580 นาย แบ่ง 45 ทีม กระจายเข้าชุมชน ช่วยเจ้าของบ้านตักดินโคลน โดยเริ่มจากกลุ่มเปราะบาง 140 หลังคาเรือน
วันนี้ (22 ก.ย.67) ภารกิจฟื้นฟูเมืองแม่สายจากทะเลโคลนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมากจากภาครัฐและเอกชนยังคงเดินหน้าต่อไป โดยมีเครื่องจักรกลหนักจาก 3 เหล่าทัพ ส่วนราชการต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชน มาให้การสนับสนุน ในส่วนของกำลังคน หน่วยทหารได้เพิ่มจำนวนให้มากขึ้น จากเดิมที่มี 280 นาย เพิ่มอีก 300 นาย รวมเป็น 580 นาย ปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังคนทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ทำให้สามารถแบ่งทีมออกไปเคลียร์ถนนที่มีปัญหาได้พร้อมกันทั้ง 24 เส้นทาง ล่าสุด เคลียร์ได้แล้ว 18 เส้นทาง มีบางส่วนที่เสร็จ 100% แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น ย่านสายลมจอยกำลังตักดินโคลนออกจากถนน ร้านค้า และบ้านเรือนของประชาน ส่วนการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนนั้น ตอนนี้ได้มีการแบ่งกำลังออกเป็น 45 ทีมกระจายเข้าไปชุมชนต่าง ๆ เพื่อร่วมกับเจ้าของบ้านเก็บกวาดตักดินโคลนออกจากบ้าน
ล่าสุด มีเครื่องฉีดน้ำสำหรับการล้างทำความสะอาดบ้านเรือนพระราชทานมาจำนวน 100 ชุด ได้ส่งไปถึงพื้นที่แม่สายแล้ว ซึ่ง กำลังพลทหารได้นำไปใช้ในภารกิจช่วยเหลือทำความสะอาดบ้านเรือนของประชาชนต่อไป ทั้งนี้เป้าหมายเบื้องต้นในการฟื้นฟูและกู้เมืองแม่สายจากทะเลโคลนก็คือจะพยายามทำให้เร็วที่สุด แต่อย่างช้าการดำเนินการน่าจะแล้วเสร็จได้ก่อนสิ้นปี
ทางด้าน พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งได้ลงพื้นที่แม่สายไปติดตามภารกิจ เปิดเผยว่า ตนลงพื้นที่เข้ามาดูการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมทั้ง 3 เหล่าทัพ ว่าอุปกรณ์ที่นำมาใช้เหมาะสมกับงานที่ทำหรือไม่ เท่าที่ประเมินในส่วนของเครื่องจักรเครื่องมือขนาดใหญ่ต้องปรับให้เล็กลงเพื่อให้เหมาะกับพื้นที่ที่มีโคลนท่วมสูง ตอนนี้กำลังหาพาร์ตเนอร์ที่เป็นภาคเอกชนเพื่อจัดหาเครื่องจักรกลขนาดเล็กเข้ามาใช้ในพื้นที่
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงทีมช่วยเหลือจากภาคเอกชนว่า อยากให้ประสานกับทางอำเภอแแม่สายและทางเทศบาลเจ้าของพื้นที่ เช่นที่ทหารทำในตอนนี้ก็เป็นการชี้เป้าจากอำเภอและเทศบาล ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีกลุ่มผู้เปราะบางไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในการเอาดินโคลนออกจากบ้านอยู่ประมาณ 140 หลังคาเรือน กำลังพลทั้งเจ้าหน้าที่และจิตอาสาจึงเข้าไปดำเนินการในส่วนนี้ก่อน โดยกำลังพลสามารถช่วยนำโคลนออกจากบ้านประชาชนกลุ่มเปราะบางได้วันละประมาณ 20 หลัง ซึ่งน่าจะไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
