ตร.สอบปากคำ พร้อมแจ้ง 2 ข้อหาหนัก คนขับรถบัสทัศนศึกษา เจ้าตัวเผยเหตุรถเสียหลักจนเกิดไฟไหม้ นำถังดับเพลิงไปช่วย แต่หลังเกิดเหตุตกใจหนีไปบ้านญาติ
ความคืบหน้าไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันนี้ (2 ก.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่ำวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.วิเศษชัยชาญ ได้นำตัวนายสมาน อายุ 48 ปี คนขับรถบัสทัศนศึกษาที่ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้มาส่งให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.คูคต โดยระหว่างทางนำนายสมานไปส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สลับรถหลอกผู้สื่อข่าว และได้นำตัวนายสมานเข้าห้องสืบสวนบริเวณด้านหลังของ สภ.คูคต เพื่อสอบปากคำทันที โดยมีรายงานว่า พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภาค.1 และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเอง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุนายสมาน หลบหนีมาอยู่ที่บ้านญาติในพื้นที่ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภาค 1 กดดันอย่างหนัก จนทำให้นายสมานตัดสินใจเข้ามอบตัว
ด้าน พล.ต.ต.ชยานนท์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1และเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดปทุมธานีเร่งติดตามตัวผู้ขับขี่มาดำเนินคดี จึงได้ติดตามไปพบที่บ้านภรรยาในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งทางผู้ต้องหาได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ เพื่อที่จะขอมอบตัว และนำตัวมาสอบปากคำที่ สภ.คูคต จากการสอบสวนเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา 1.ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4) , 78 , 157 160 วรรค 2 นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะสอบสวนผู้ต้องหาเกี่ยวกับข้อหาที่แจ้งไปทั้งหมด ส่วนเจ้าของรถนั้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาตรวจสภาพรถอีกครั้ง และจะพิจารณาข้อหาอีกครั้ง
โดยนายสมาน บอกว่า ตนเองขับรถมาคันที่ 2 ประมาณ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถเสียหลักคล้ายตกหลุมยางระเบิด หรือถุงลมแตก และล้อหน้าเกิดดึงจนทำให้ไปเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ จากนั้นตัวรถครูดไปไปกับแท่งแบร์ริเออร์ ส่วนที่หลบหนีหลังจากเกิดเหตุนั้น ทางผู้ต้องหาให้การว่า หลังเกิดเหตุแล้วก็เอาถังดับเพลิงมาช่วยฉีด จากนั้นก็ตกใจและหนีไปบ้านญาติ ส่วนข้อกล่าวหาหลบหนีนั้นก็แจ้งไปแล้ว ส่วนรถบัสนั้นก็จะให้เจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนเจ็บนั้นสาหัส 2 รายและอีก 1 รายก็ยังรักษาตัวอยู่
ขณะที่ตัวแทนบริษัทพาผู้ประกอบการเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อชี้แจงถึงการใช้รถ โดยได้กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางผู้ประกอบการพร้อมเยียวยา ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ยืนยันรถผ่านการตรวจสภาพ ดัดแปลงติดตั้งระบบแก๊สการผ่านตรวจสอบทางวิศกรรมรถยนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง ส่วนประเด็นเรื่องประตูฉุกเฉินที่ไม่ได้เปิดในขณะเกิดเหตุ การตัวแทนของบริษัทยืนยันว่าสามารถเปิดออกได้ แต่ประตูค่อนข้างมีน้ำหนักมากพอสมควร ทำให้ครูกับนักเรียน อาจจะใช้แรงไม่เพียงพอในการเปิดประตูฉุกเฉิน
ส่วนการการเยียวยาเบื้องต้น นอกเหนือจากการเยียวยาของบริษัท ทางบริษัทประกันรถยนต์ทจะจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตคนละ 500,000 บาท, ประกันกลุ่ม คนละ 80,000 บาท จ่ายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต และประกันประเภท 3 ภาคสมัครใจของบริษัทประกันภัย ( ทุนประกัน 10 ล้าน ) จ่ายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต คนละ 500,000 บาท ส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บควบ 2 บริษัทที่ทางบริษัททำประกันเอาไว้ จะมีเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 130,000 บาทให้เบื้องต้น