จับแล้ว! โจรลักรถป้ายแดง พบป่วยจิตเวช

View icon 56
วันที่ 3 ต.ค. 2567 | 16.21 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - จับแล้วโจรลักรถป้ายแดง กลางห้างดังรัชดา-ด้านญาติอ้างป่วยทางจิต-ขาดยา 

จับแล้ว! โจรลักรถป้ายแดง พบป่วยจิตเวช
เจ้าหน้าที่นับสิบคน รุมสกัดเหตุลักขโมยรถกลางศูนย์การค้า ย่านรัชดาภิเษก หลังคนร้ายลักขโมย รถเก๋งสีดำ-ป้ายแดงก่อนขับฝ่าวงล้อมไปชนไม้กั้นและสิ่งกีดขวางอย่างอุกอาจ เหตุเกิดช่วงบ่าย 2 เมื่อวานนี้

หลังเกิดเหตุ ตำรวจชุดสืบสวน สน.ห้วยขวาง เร่งติดตามรถคันดังกล่าวนานกว่า 8 ชั่วโมง จนพบรถยนต์ที่ถูกขโมยจอดอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ภายในซอยนาคนิวาส 16 แขวงลาดพร้าว ก่อนทำการเจรจาเพื่อขอให้ผู้ก่อเหตุมอบตัว พบเป็น หญิง อายุ 39 ปี นอกจากนี้ในรถยังพบแมวพันธุ์ไทย เพศผู้ สีดำ หรือ น้องมอตี้ อยู่ใต้เบาะรถสภาพปลอดภัย

ล่าสุด พลตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เผยหลังประชุมคืบหน้าคดีว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา ให้การภาคเสธอ้างว่า มีคนสั่งให้มาขับรถออกไป และจากการพูดคุย ก็สามารถตอบโต้ได้ปกติ ส่วนเรื่องที่ญาติแจ้งว่า ผู้ต้องหาเคยได้รับการรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาลใน จังหวัดขอนแก่น แต่ช่วงหลังขาดยา ทำให้เริ่มมีอาการพูดคนเดียวและคลุ้มคลั่ง ก็ต้องรอเอกสารจากครอบครัว และให้แพทย์ประเมินสถาวะทางจิตอย่างละเอียด เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์

อ้างป่วยทางจิต ย้อนแย้งกับการกระทำ
ขณะเดียวกัน แฟนของเจ้าของรถ เดินทางมาให้สอบปากคำเพิ่มเติม เผยว่า ยังคงตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกดีใจที่ได้รถและแมวคืน ส่วนสาเหตุที่ติดเครื่องไว้ เนื่องจากเมื่อวานนี้ ตนเองมีอาการป่วยจึงจอดรถ เพื่อเข้าไปซื้อยาคิดว่าไปไม่นานคงไม่เป็นอะไร เพราะเป็นพื้นที่ห้างมีคนพลุกพล่าน 

แต่ระหว่างเดินกลับมาที่รถ เห็นรถตนเองผ่านหน้าไป จึงวิ่งตามมี รปภ. และพลเมืองดีเข้าช่วย แต่ผู้ก่อเหตุกลับพูดว่า "นี่รถกู กูผิดอะไร" ก่อนขับวนไปมา เพื่อหาทางออก และฝ่าเหล็กกั้นไปในที่สุด

เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนอย่าชะล่าใจ แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็มีความอันตรายได้ ส่วนที่ผู้ก่อเหตุ อ้างว่าป่วย ส่วนตัวรู้สึกย้อนแย้ง กับการกระทำเพราะได้มีการขับไปจอด เพื่อถอดป้ายทะเบียนออก

ด้าน แม่และพี่สาวของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจแล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ

ขอบคุณภาพจาก : X@jayjay_Uknow

ขอบคุณภาพจาก : TikTok@sparkupdate

ขอบคุณภาพจาก : X@Kawaaii13

ข่าวที่เกี่ยวข้อง