ข่าวภาคค่ำ - รัฐบาลเตรียมปรับเงินเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยจะเหมาจ่าย 9,000 บาท ทุกกรณี นอกจากนี้ยังจะให้เงินสำหรับนำไปทำความสะอาดดินโคลนอีก ครัวเรือนละ 10,000 บาท
โดยในวันอังคารนี้ กระทรวงมหาดไทยเสนอให้ ครม.อนุมัติ หลักเกณฑ์ใหม่ การจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย ที่จากเดิมจะแยกตามระยะเวลาน้ำท่วมขังขั้นต่ำ 5,000 บาท 7,000 บาท และ 9,000 บาทตามลำดับ โดยปรับเป็นเหมาจ่าย 9,000 บาททุกกรณี
ส่วนคนที่ได้ไปแล้วก่อนหน้านี้ 5,000 บาท ก็จะโอนไปเพิ่มให้จนครบ 9,000 บาท
กรมบัญชีกลางได้อนุมัติงบประมาณ ให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำไปมอบให้ประชาชนอีกครัวเรือนละ 10,000 บาท เพื่อใช้สำหรับทำความสะอาด ดินโคลนในบ้าน
และจากข้อมูลเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา มีผู้ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือแล้ว 52 จังหวัด 84,224 ครัวเรือน และได้โอนเงินช่วยเหลือไปแล้ว 8,787 ครัวเรือน เป็นเงิน 43,987,000 บาท และจะโอนครั้งต่อไป ภายในวันที่ 8 ตุลาคมนี้
หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาล กำลังเร่งระดมสรรพกำลัง เข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัดที่เดือดร้อน ทั้งเสริมกำลังพล ส่งรถยกสูง เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำเข้าไปเพิ่ม โดยเฉพาะที่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่สถานการณ์กลับมาวิกฤตอีกครั้ง
ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าตอนนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเข้าไปฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ทุกคนกลับมาอยู่ในภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และให้ทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องโดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ สำหรับชาวเชียงใหม่ที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้ติดต่อสายด่วน 1567
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าตามที่มีการเสนอขอโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ ในปีงบประมาณ 2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมนั้น
ล่าสุดได้สั่งให้ดำเนินการจ้างงานเร่งด่วน จำนวน 400 คน เพื่อระดมช่วยกันลงแขกเคลียร์ดินโคลน ภายในระยะเวลา 5 วัน ให้ประชาชนสามารถกลับเข้าสู่ที่พักอาศัย และดำเนินการประกอบอาชีพตามปกติได้ โดยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สั่งให้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ สำนักงาน ททท. จังหวัด เป็นจุดประสานงาน จัดระบบรายงานเหตุการณ์และการส่งต่อนักท่องเที่ยว เตรียมการเยียวยานักท่องเที่ยวเบื้องต้น และจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีนักท่องเที่ยวตกอยู่ในภาวะวิกฤต เจ้าหน้าที่ยังดูแลช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง
