สาว 17 ร้องสายไหมต้องรอด ถูกรองสารวัตร ข่มขืนคาป้อมตำรวจ

สาว 17 ร้องสายไหมต้องรอด ถูกรองสารวัตร ข่มขืนคาป้อมตำรวจ

View icon 4.9K
วันที่ 9 ต.ค. 2567 | 14.46 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สายไหมต้องรอด พาเด็กสาว วัย 17 ปี เข้าแจ้งความ หลังถูกตำรวจ ระดับ "รองสารวัตร" ลวงข่มขืนคาป้อมตำรวจ ซ้ำขู่ฆ่าถ้าไปบอกคนอื่น โวเคยเผานั่งยางผู้ต้องหาในคดียาเสพติดมาแล้ว

9 ต.ค. 67 เมื่อเวลา 11.00 น.  ที่ สภ.บ้านบึง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยผู้เสียหาย เด็กนักเรียนระดับชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง อายุ 17 ปี พร้อมกับผู้เป็นพ่อ อายุ 73 ปี เข้าแจ้งความกับร้อยเวรฯ สภ.บ้านบึง โดยมีน.ส.จันจิรา ไทยบัณฑิตย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี สหวิชาชีพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนในครั้งนี้ ซึ่งใช้เวลาในการสอบปากคำในบ้างต้นประมาณ 1 ชั่วโมง 
    
สืบเนื่องมาจาก พ่อวัย 73 ปี พาลูกสาววัย 17 ปี เดินทางขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยอ้างว่า ลูกสาวถูกสายตรวจ รองสารวัตร ตีสนิทจนนับถือเป็นลุง สุดท้ายออกลายขับรถสายตรวจมารับลวงไปข่มขืนคาป้อมตำรวจ
   
โดยผู้เสียหาย คือน้องน้อย (นามสมมุติ) เล่าว่า ช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ญาติพาพ่อซึ่งป่วยติดเตียงกลับบ้านที่ภาคใต้ ทำให้ตนเองต้องอยู่ลำพัง และได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บ้านบึง เนื่องจากมีคนมาขับรถวนเวียนแถวบ้าน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้เบอร์คนก่อเหตุ ซึ่งเป็นสายตรวจ เขาก็ได้มาดูที่บ้าน แต่คนร้ายไม่อยู่แล้ว จากนั้น สายตรวจคนดังกล่าว ได้ขอไลน์เพื่อติดต่อหากมีอะไรผิดปกติ และได้ติดต่อกันมาตลอด คอยแวะเวียนมาดู เพราะเขาเห็นเราอยู่คนเดียว โดยเราก็ให้ความเคารพเขาเหมือนผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งที่ดูแลความปลอดภัย พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว
   
กระทั่งช่วงเดือน เม.ย. 67 เวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้ก่อเหตุชวนออกมากินข้าวตามปกติ พอกินเสร็จ เขาได้บอกว่าขอแวะทำธุระที่ป้อมตำรวจหนองแก ก่อน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นที่เขาทำงานคงไม่เป็นอะไร ตอนนั้นในป้อมไม่มีใครอยู่จากนั้น เขาได้เข้ามาลวนลาม ตนเองก็พยายามห้ามและบอกว่าอย่าทำ ตนนับถือเป็นลุงคนหนึ่ง ตนชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่เขาไม่ฟัง เข้ามาบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ แล้วเขามาขอร้องไม่ให้เอาเรื่อง ถ้าเอาเรื่องตนเองไปพูดกับคนอื่นจะฆ่าให้ตาย เพราะในอดีตเขาเคยเผานั่งยางผู้ต้องหาในคดียาเสพติด แต่เอาผิดเขาไม่ได้เพราะไม่มีใครรู้ ถึงจะไปแจ้งความก็ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ ตนเองกลัว เลยยอมทำตามที่เขาพูดไม่กล้าบอกใคร

หลังจากวันนั้นมา เขาก็ทำตัวปกติ แวะมาตรวจแถวบ้าน มารับไปกินข้าว และพยายามมาเลี้ยงดูโดยการมาช่วยจ่ายค่าห้องเดือนละ 2-3 พันบาท เชื่อว่าเขาส่งคนมาเฝ้าเพราะรู้ความเคลื่อนไหวเราตลอดเวลา จากนั้นเขาได้ย้ายไปประจำที่ป้อมหนองไผ่แก้ว และจะโทรมาทุกครั้งที่เขาเข้าเวร ก่อนจะมารับแล้วบอกว่าจะพาไปป้อม ซึ่งตนก็รู้ว่าไปแล้วจะโดนอะไร แต่ก็ไม่กล้าขันขืนเพราะกลัว
    
ที่ผ่านมาเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน เวลามีคนถามว่าเราเป็นใคร เขาก็จะบอกว่าเป็นหลาน ตนเองทนพฤติกรรมไม่ไหวจึงแอบไปรับพ่อกลับมาอยู่ด้วย ซึ่งเขาก็ได้มาพูดคุยกับพ่อว่าจะรับดูแล ซึ่งทางพ่อปฏิเสธไป ตนเองก็ไม่อยากให้มาดูแล ประกอบกับตนเองไม่ได้ชอบผู้ชาย จากนั้นเขาก็เริ่มห่างออกไป จากนั้นไม่นานลูกชายเขาก็พยายามทักมาขู่ให้เลิกยุ่งกับพ่อเขาซึ่งตนเองก็ไม่อยากจะยุ่งอยู่แล้ว และที่ออกมาวันนี้ทนไม่ไหว ไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้ หากไปแจ้งความก็กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะเขาเป็นตำรวจ ลูกชายก็มีพรรคพวกเยอะ
     
นายเอกภพ ระบุว่า หลังจากนี้จะประสานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความรวมถึงตรวจสอบหาหลักฐานทั้งหมด เชื่อว่าสิ่งที่น้องพูดทั้งหมดน่าจะเป็นความจริง เพราะมีไทม์ไลน์ชัดเจน รวมถึงพาน้องไปตรวจร่างกายตามกระบวนการ เรื่องนี้หากผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะน้องอายุเพียง 17 ปี มีการใช้รถตำรวจมารับ มีการพาไปละเมิดในป้อมตำรวจ ฝากท่านผู้การ ผู้กำกับ ลงมาตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องที่บอกว่าเคยก่อเหตุพาผู้ต้องหาในคดียาเสพติดไปเผานั่งยาง เรื่องนี้ก็ต้องทำการสอบสวนย้อนหลังด้วยหากเป็นจริงก็ต้องดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน 
      
ต่อมา เวลา 13.00  น. ทางพนักงานสอบสวน พร้อมกับทีมสายไหมต้องรอด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ได้พาผู้เสียหายไปที่ป้อมยามตำรวจ เพื่อให้ผู้เสียหายได้ชี้จุด เพื่อนำไปปชระกอบสำนวนคดี  โดยให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เก็บหลักฐานภายในป้องยาม พร้อกับตรวจหาดีเอ็นเอ ให้ละเอียดอีกครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง