ดรามาธุรกิจขายตรง ยังแฉไม่จบ "กันต์ กันตถาวร" ยุติบทบาทพิธีกร "มิน พีชญา" แถลงวันนี้

View icon 54
วันที่ 11 ต.ค. 2567 | 07.03 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - ฝุ่นตลบไม่จางจริง ๆ เพราะโซเชียลฯ ก็ขุดหาข้อมูลมาแฉไม่เลิก ทั้งข้อมูลที่ชวนตั้งข้อสังเกต และคำถาม ที่ต้องไปทำการบ้านกันต่อว่า เรื่องนี้จริงหรือไม่

เริ่มจาก เพจฯ เฟซบุ๊กชื่อคล้ายบริษัทที่กำลังเป็นประเด็น โพสต์ภาพพร้อมตั้งคำถามว่า ปี 2019 ถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทนี้มีสมาชิกกว่า 300,000 คน มียอดสั่งซื้อรวม 300,000 คน ตัวเลขนี้เกิดจากการซื้อขายภายในสมาชิกด้วยกันเองหรือไม่

บางโพสต์หยิบเอารายงานทางการเงินเดือนหนึ่งขึ้นมายกตัวอย่าง ถามว่า เดือนที่พูดถึงนี้มีผู้ได้รับคอมมิชชั่น 311 คน จากเครือข่ายประมาณ 300,000 คน คิดเป็น 0.1% ที่ได้รับกำไร ตัวเลขนี้สมเหตุสมผลหรือไม่

และถ้าข้อมูลที่เอามาแฉยังน้อยไป ก็แนะให้ตำรวจไปอายัดเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทดังกล่าวมาตรวจสอบ แต่ถ้ากลัวว่าข้อมูลจะลบไป เพจฯ นี้อ้างว่า ได้ดาวน์โหลดข้อมูลไว้ในเลข IP Adress ที่โพสต์นี้แล้ว

ผลพวงที่เกิดขึ้นจากการทวงถามของคนในโซเชียลฯ และการแฉข้อมูลจากเพจฯ ต่าง ๆ ทำให้ กันต์ กันตถาวร หารือต้นสังกัด และผู้ร่วมงาน ตัดสินใจขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรทุกรายการ พร้อมเข้าให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม

ตามมาด้วย บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ที่โพสต์ข่าวยืนยันว่าหารือร่วมกับ กันต์ กันตถาวร เรื่องยุติการเป็นพิธีกรทุกรายการจนกว่าจะมีความชัดเจน

ก่อนที่ มิน พีชญา วัฒนามนตรี นักแสดงอิสระ จะส่งกำหนดการแถลงเปิดใจพูดถึงเรื่องนี้ 14.00 น. วันนี้ (11ต.ค.)

และอีกหนึ่งเปราะที่อาจทำให้นักแสดง และดารา ที่เราเห็นว่าข้องเกี่ยวก่อนหน้า โล่งใจขึ้นหรือไม่ เมื่อบริษัทขายตรง ที่กำลังมีประเด็นดรามา โพสต์ภาพของพรีเซนเตอร์หลัก 5 คน พร้อมข้อความยืนยันว่า ทั้ง 5 คนนี้ ประกอบด้วย กันต์ กันตถาวร, แซม ยุรนันท์ และ มีน พีชญา เป็นเพียงผู้ช่วยทำการตลาดของบริษัทเท่านั้น

ส่วน บอย ปกรณ์ และ โดม ปกรณ์ ลัม เป็นเพียงพรีเซนเตอร์สินค้า โดยทั้งหมดไม่มีอำนาจลงนาม หรือเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด

ขณะที่ ทนายเกิดผล โพสต์ข้อความระบุว่า ตัวการ หรือผู้สนับสนุน ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอำนาจบริหารกิจการบริษัทเสมอไป เพราะคนร้ายอาจแบ่งหน้าที่กันทำผิดก็ได้

พูดถึงเรื่องทางคดี ต้องไปฟังจากปาก รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยอมรับว่า การสอบปากคำยังไม่เรียบร้อย คืบหน้าไปได้ประมาณ 80 ปาก คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 4-5 วัน ถึงจะชัดเจนว่า ที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่

ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนโฟกัส คือเรื่องเงิน ตำรวจก็ประสาน ปปง. พิจารณาอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไว้ก่อนแล้ว

ด้าน นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กล่าวว่า ได้รับเรื่องนี้จาก สตช. แล้ว ซึ่งการจะยึดอายัดทรัพย์สินผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ปปง. จะตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานว่าเข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

และเรื่องนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก จึงให้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกทั้ง ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือ เพื่อบูรณาการหาแนวทางตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีนี้ในช่วงเย็นวันนี้ (11 ต.ค.)

อีกหนึ่งประเด็นยังต้องพูดถึงเรื่องบริษัทขายตรงแห่งนี้คือการได้รับโล่รางวัล จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ในโอกาสวันคุ้มครองผู้บริโภค ปี 2565

นางสาวจิราพร ในฐานะกำกับดูแล สคบ. ก็สั่งการให้ สคบ. ตรวจสอบการมอบโล่รางวัลดังกล่าวแล้ว หากพบบริษัทดังกล่าวมีการกระทำความผิด สคบ. จะเพิกถอนโล่รางวัลนั้นด้วย

พร้อมย้ำ สคบ. ให้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย โดยใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างรัดกุม เช่น พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง, พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น รวมถึงการตรวจสอบย้อนกลับไปถึงการร้องเรียนในอดีตที่ผ่านมาด้วย