พี่อ้อย ลั่นไม่เคยพูดให้ ทนายตั้ม โดยเสน่หา

View icon 149
วันที่ 31 ต.ค. 2567 | 16.31 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - "พี่อ้อย" นักธุรกิจคู่กรณีทนายตั้ม วันนี้ เดินทางเข้าให้ปากคำกับตำรวจกองปราบปรามเพิ่มเติม กรณีแจ้งเอาผิดทนายตั้มข้อหาฉ้อโกง ลวงเงิน 71 ล้านบาท ขณะที่ "นายสนธิ" ได้ปล่อยคลิปเปิดใจ พี่อ้อย ยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้ให้เงิน "ทนายตั้ม" โดยเสน่หา

พี่อ้อย ลั่นไม่เคยพูดให้ ทนายตั้ม โดยเสน่หา
วันนี้ เวลา 09.00 น.เพจเฟซบุ๊ก คุยทุกเรื่องกับสนธิ ได้ปล่อยคลิปเปิดใจ "พี่อ้อย" นางสาวจตุพร อุบลเลิศ เป็นคลิปที่ 2 ความยาว 5.53 นาที เป็นคลิปที่สอบถามพี่อ้อย ถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ บอกว่า เงิน 71 ล้านบาทที่พี่อ้อยโอนให้ได้มาโดยเสน่หา โดยพี่อ้อยยืนยันว่า ไม่เคยพูด และไม่เคยเขียนว่า ให้เงินโดยเสน่หา ใครจะไปบ้าให้โดยเสน่หา ให้ร่วมลงทุนเท่านั้น ถ้าเกิดเขาไม่บอกว่า ให้ด้วยความเสน่หา พี่ตั้งใจจะให้อยู่แล้ว แค่มายอมรับผิดและขอโทษ แต่ตอนนี้ช้าไปแล้ว เขาน่าจะติดต่อผ่านทนายความมา แต่เขาไม่ติดต่อมาเลย และเขายังโทรมาหาทนาย บอกว่า กล้าดียังไงมาฟ้องเขา

พี่น้อย เลขาฯพี่อ้อย บอกว่า ถ้าจะให้โดยเสน่หา จะออกมาฟ้องทำไม ต้องหาเอกสารว่าจ้าง หลักฐานมาแสดงทำไม พี่อ้อยไปเบิกเงินสดให้ทนายตั้มไม่ดีกว่าเหรอ

ขณะที่อดีตพนักงานธนาคาร บอกว่า บัญชีที่พี่อ้อยใช้โอนเงินจากประเทศฝรั่งเศส เป็นบัญชีส่วนตัว จะโอนยังไงก็ได้ ไม่ต้องใช้เอกสารแนบ เพียงแค่ระบุว่า จะนำเงินมาทำอะไรแค่นั้น ส่วนค่าโอนจากประเทศฝรั่งเศสเข้าไทย ทางฝรั่งเศสจะหัก 32.08 ยูโร ไม่ว่า จะโอนเท่าไรก็ตาม เป็นค่าโอนจากฝรั่งเศสมาไทย จะถูกหักที่ฝรั่งเศส เมื่อโอนมาที่เมืองไทยจะมาพักไว้ที่ ธนาคารดอยซ์ แบงก์ ก็จะหักค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000 กว่าบาท แล้วทาง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จะโอนเข้ามาหาบัญชีพี่อ้อยที่สาขาโลตัส ปากช่อง โดยพี่อ้อย พูดเสริมสาเหตุที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะถ้าโอนจากบัญชีที่ฝรั่งเศสโอนเข้าบัญชีทนายตั้มโดยตรงเป็นเงินยูโรจะต้องโดนหัก 60% และคนที่จะต้องเสียภาษี ไม่ใช่ตน แต่เป็นทนายตั้มที่จะต้องเสียภาษี

พี่อ้อย โผล่ให้ปากคำกองปราบ ปมเงิน 71 ล้านบาท
วันนี้ เวลา 11.00 น.นางสาวจตุพร หรือ พี่อ้อย พร้อมด้วยเลขาส่วนตัว และทนายความ เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนกรณีที่ถูกทนายดังหลอกลวงเงินไปกว่า 71 ล้านบาท โดยมี พันตำรวจเอกธงชัย อยู่เกษ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.3 บก.ป.) เข้าร่วมการสอบปากคำ หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบปากคำพี่อ้อยตัวในพื้นที่โคราชแล้ว เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ต้องเชิญตัวมาให้ปากคำต่อที่กองบังคับการปราบปราม อีกครั้งในวันนี้

ปานเทพ แนะ ทนายตั้ม เปิดหน้าแจงปม เจ๊อ้อย
ขณะที่ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างเจ๊อ้อยและทนายตั้ม โดยระบุว่า ความเสียหายของเจ๊อ้อยตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ทั้งหมดเพราะอยู่ในสำนวน และอาจมีประเด็นความเสียหายอื่นตามมาอีกหลายประเด็น

ครั้งนี้ ทนายตั้ม ยังไม่เคยออกมาชี้แจงประเด็นความขัดแย้งกับเจ๊อ้อย เพียงแต่ชี้แจงประเด็นของ หนึ่ง บางปู ผ่านไลน์กลุ่มเท่านั้น มองว่าผิดวิสัยของทนายตั้ม เพราะทุกครั้งที่มีประเด็นอะไรพาดพิงไปถึงตัวเอง เจ้าตัวจะรีบออกมาชี้แจงหรือตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันที แต่ครั้งนี้กลับเงียบ ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าทนายตั้มตอบเรื่องนี้ไม่ได้ใช่หรือไม่ จึงอยากแนะนำให้ทนายตั้มออกมาพูดความจริงดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ทนายตั้ม ชิ่งหนีสื่อ หลังขึ้นศาลคดีหมิ่นประมาท
ส่วนความเคลื่อนไหวของทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิ ทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมาที่ศาล จังหวัดนครพนม โดยศาลได้นัดสืบพยานจำเลย ในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา หลังจากนายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพวกรวม 3 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายษิทรา และ นางสาวช่อฉัตร โตชูวงศ์ นักธุรกิจน้ำยางพารา เรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท เนื่องจากทั้ง 2 แถลงข่าวที่มีเนื้อหาเป็นเท็จและสร้างความเสียหายให้แก่โจทก์ทั้ง 3 โดยมีรายงานว่า ทนายตั้มได้เดินทางมาที่ จังหวัดนครพนม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) โดยทนายตั้ม กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ให้สื่อไปรอที่บันไดทางขึ้นหน้าศาล เพราะเสร็จเที่ยง”แล้วขอตัวเข้าห้องพิจารณาคดีทันที (แต่สื่อไม่มีใครถ่ายภาพทนายตั้มไว้ได้)

แต่หลังจากเสร็จสิ้นการขึ้นให้การในศาล ทนายตั้มได้หลบผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์ โดยปะปนไปกับชาวบ้านที่เดินทางมาขึ้นศาล จนหลุดรอดจากสายตาของผู้สื่อข่าวนับ 10 สำนักที่มารอทำข่าว และออกจากศาลไปได้โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ

ทนายเดชา เผย ทนายตั้ม บอกไม่ผิด ไม่คืนเงิน
ขณะที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กทนายคลายทุกข์ บอกว่า ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทนายตั้ม และทนายตั้มยืนยันว่า ไม่ได้โกง ถ้ามีหมายเรียกก็จะไปมอบตัวทันที ทนายตั้มยอมรับว่า เอาเงิน 71 ล้านบาทไปจริง แต่ไม่ได้ทำอะไรผิด และยังยืนยันว่า ไม่คืนเงิน เพราะเป็นเงินที่เขาให้โดยเสน่หา และจะตั้งทีมทนายสู้คดีด้วย  

ทนายเดชา ยันไม่อุ้ม ทนายตั้ม ถ้าทำผิดก็ติดคุก
ทนายเดชา ยืนยันว่า ไม่อุ้มทนายตั้ม ถ้าทำผิดก็ติดคุกไป แต่ปัจจุบันนี้ทนายตั้มยังไม่ผิด แค่ถูกสังคมตัดสินว่า ผิด พร้อมยืนยันว่า เท่าที่คุยกับทนายตั้ม ไม่หนีออกไปต่างประเทศหรอก เพราะมีบ้านและทรัพย์สินอยู่ในประเทศ ยังตั้งข้อสังเกตถึงคดีฉ้อโกงที่แจ้งความตั้งแต่เดือน ก.ย. 2567 จนถึงขณะนี้ยังไม่แจ้งข้อหา ดังนั้น พยานหลักฐานอาจไม่เพียงพอ จึงยังแจ้งข้อหาไม่ได้ เพราะถ้าหลักฐานแน่นคงออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนการดำเนินคดีมรรยาท ลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ ต้องรอให้ศาลตัดสินคดีจนถึงที่สุดก่อน จึงจะไปดำเนินคดีมรรยาท

ตร.ปัดตอบออกหมายจับ ทนายตั๊ม
ล่าสุด พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี เจ๊อ้อย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ที่หลอกลงทุนหวยออนไลน์ จนสูญเงิน 71 ล้านบาทว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามยังอยู่ระหว่างสอบปากคำพี่อ้อยอยู่ แม้ว่าก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำไปแล้วบางส่วนก็ตาม โดยวันนี้จะเป็นการสอบปากคำในทุกประเด็นและทุกมิติอีกครั้ง เพื่อให้คดีรัดกุมมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่าหากสอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว จะต้องออกหมายเรียกหรือหมายจับ นายษิทรา ได้เลยหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัตน์ กล่าวว่า ขอสอบปากคำ เจ๊อ้อยให้เสร็จสิ้นก่อน และยืนยันว่าการสอบปากคำทุกครั้ง ตำรวจจริงจังทุกครั้ง จึงขอเวลาทำงานก่อน และคาดว่าวันนี้จะต้องใช้เวลาในการสอบปากคำ นานพอสมควร เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ