ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง ตี่ลี่ฮวงจุ้ย เจ้าตัวไม่ยื่นประกัน นำตัวเข้าเรือนจำ

ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง ตี่ลี่ฮวงจุ้ย เจ้าตัวไม่ยื่นประกัน นำตัวเข้าเรือนจำ

View icon 119
วันที่ 12 พ.ย. 2567 | 19.12 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
วันนี้ (12 พ.ย.67) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.ขวรินทร์ แหล่งสท้าม พนักงานสอบสวนกองกำการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้คุมตัวนายธนวันต์ หรือ “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 5404/2567 ลงวันที่ 8 พ.ย.2567 ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายและประชาชนทั่วไป ได้ดูคลิปรายการที่ผู้ต้องหาไปออกรายการต่าง ๆ ผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นอาจารย์ที่มีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยบ้านพัก โรงงานและสถามประกอบการ โดยมีการประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อไว้ ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทายาทตี่ลี่ฮวงจุ้ย รุ่นที่ 15 ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ตื่ลี่ ฮวงจุ้ย จึงเกิดความสนใจและต้องการปรึกษา ต่อมาผู้เสียหายได้ติดต่อไปตามหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการประชาสัมพันธ์ไว้ มีผู้รับสายซึ่งได้แสดงตัวเป็นแอดมินของ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย และให้ติดต่อกับแอดมินผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แอดมินแจ้งค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างดูฮวงจุ้ยบ้าน ผู้เสียหายตกลงและโอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ต้องหาเป็นค่าจ้างดูฮวงจุ้ย ต่อมาผู้ต้องหาได้มาทำพิธีดูฮวงจุ้ยที่บ้านของผู้เสียหายแล้วผู้ต้องหากล่าวอ้างสร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์แตกต่างกันไปดังนี้

1. เรื่องสิ่งของภายในบ้าน ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าเป็นธนูลม (ช่องลมระหว่างคอนโด), หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ในจุดที่ไม่ดี ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งดังกล่าวส่งผลให้บิดาของผู้เสียหายป่วยเป็นโรคมะเร็ง ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าจะต้องซื้อหินแกะสลักรูปสิงห์,รูปกิเลน และซื้อตี่จูเอี๊ยะมาตั้งภายในบริเวณบ้าน ในจุดต่าง ๆ ที่แจ้งไป เพื่อให้ป้องกันสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาภายในบ้านทั้งขจัดปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไป ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหาเป็นค่าหินแกะสลักรูปสิงห์และกิเลนขนส่งจากประเทศจีน และค่าภาษีศุลกากร รวมค่าสินค้า, ค่าขนส่ง และค่าภาษีอากรต่างๆ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,350,000 บาท

2. ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าศาลพระภูมิแบบเดิมที่อยู่ในบ้านของผู้เสียหายเป็นศาลพระภูมิแบบไทยมีผีมาอยู่ จะส่งผลไม่ดีแก่คนในบ้าน หากตั้งศาลพระภูมิแบบจีนจะทำให้กิจการค้าขายดี จึงต้องล้มศาลพระภูมิเดิมแล้วตั้งศาลพระภูมิใหม่ รวมทั้งค่าฝังเข็มเงิน-เข็มทอง รวมพิธีไหว้ และเรียกร้องเงินค่าศาลพระภูมิและค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 6,204,000 บาท

3. หลอกลวงให้ซื้อที่ดินทำพิธีแซกี หรือเรียกว่าสุสานคนเป็น อ้างว่าถ้าทำแล้วบุคคลในครอบครัวจะมีสุขภาพดี อายุยืน และจะได้รวมบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วมาอยู่ที่เดียวกัน แล้วอ้างว่าจะต้องซื้อที่ดินที่จังหวัดชลบุรีแล้วต้องสั่งหินมาจากประเทศจีน รวมทั้งมีค่าถมที่ดิน, ค่าแกะสลักหิน ค่าขนส่งหินจากประเทศจีน และ ค่าภาษีศุลกากร เรียกร้องเงินค่าซื้อที่ดิน, ค่าซื้อหิน ฯลฯ จากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 45,694496 บาท

4. หลอกลวงว่ามีบุคคลทำพิธีนำผงกระดูกผีใส่บ้านผู้เสียหาย ส่งผลให้ผู้เสียหายและครอบครัวเดือดร้อน ต้องทำพิธีนำพระผงกระดูกผีลงมุมบ้านทั้ง 4 ทิศเพื่อป้องกันและแก้ไขพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีผู้ทำมา เรียกร้องค่าดำเนินการจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อได้โอนเงินให้ผู้ต้องหารวมทั้งสิ้น 4,400,000 บาท

5. หลอกลวงว่าที่บ้านของผู้เสียหายมีองค์เทพมาอาศัย ต้องบูชารูปปั้นองค์เทพจำนวน 4 องค์ เพื่อให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข เรียกร้องเงินค่ารูปปั้นจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 347,000 บาท

6. หลอกลวงเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้ต้องหา โดยอ้างว่ารัฐบาลประเทศจีนจะให้ผู้ต้องหาเดินทางไปดูฮวงจุ้ยที่สุสานจิ้นซีฮ่องเต้ ประเทศจีนแล้วรัฐบาลประเทศจีนจะกักตัวผู้ต้องหาไว้ หากไม่ต้องการให้ประเทศจีนกักตัวก็จะต้องนำเงินไปลงทุนเปิดบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอ้างว่าต้องใช้เงินจำนวน 2,100,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ผู้ต้องหาจำนวน 2,100,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 65,556,996 บาท

ต่อมาผู้เสียหายไม่ได้รับสิ่งของตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จากพฤติการณ์เห็นว่าผู้ต้องหาหลอกลวงโดยกล่าวอ้างถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ  ข้างต้น ผู้เสียหายจึงมาร้องทุกข์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนโดยตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา พบว่าหลังจากผู้ต้องหาได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้วก็โอนเงินไปเข้าบัญชีเงินฝากของบุคคลใกล้ชิดในลักษณะเป็นการยักย้าย ถ่ายเทเงินเพื่อปกปิดหรืออำพราง แหล่งที่มาของเงิน จึงจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อหาความผิดฐานฉ้อโกง และฟอกเงิน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18) มาตรา 5 (1)(2) และมาตรา 60

ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาจะครบกำหนด 48 ชั่วโมงแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 40 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ของกลาง ผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 – 23 พ.ย.2567 ศาลอาญาพิจารณาคำร้องและสอบผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ขณะที่วันนี้ ผู้ต้องหาไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงจะนำตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง