ข่าวเย็นประเด็นร้อน - นายกรัฐมนตรี ประกาศสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำ คือ การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ มั่นใจเศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่านี้ พร้อมยืนยันรัฐบาลอยู่ครบเทอม นัดแถลงผลงาน 90 วัน ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้
นายกฯ ลั่นรัฐบาลอยู่ครบเทอม โชว์ผลงาน 12 ธ.ค.
ช่วงเช้าวันนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส, ความหวัง, ความจริง และกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ประเทศไทย : โอกาส-ความหวัง-ความจริง"
นางสาวแพทองธาร กล่าวระหว่างการเปิดงานว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องการจะทำอย่างแรก คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ประเทศชาติและคนในประเทศมีการกินอยู่ที่สบายขึ้น และเชื่อว่า เศรษฐกิจในปีหน้าจะต้องโตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งจากการที่ไปประชุมต่างประเทศ ได้คุยกับต่างชาติ ทุกคนสนใจลงทุนในประเทศไทย เพราะภาคการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ตนก็มีหน้าที่บอกทุกคนว่า รัฐบาลจะอยู่จนครบเทอม เพื่อให้ชาวต่างชาติมั่นใจ โดยรัฐบาลจะมีการแถลงสิ่งที่ได้ทำมาในรัฐบาลครบ 90 วัน ในวันที่ 12 ธันวาคม โดยจะทั้งมีเรื่องของนโยบายในอนาคตและของขวัญปีใหม่
ประกาศผลแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุเดือน ธ.ค.นี้
ส่วนเรื่องการแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง บอกว่า กระทรวงการคลัง ตั้งใจ จะแจกเงินให้ถึงมือประชาชนเร็วขึ้น ก่อนถึงช่วงตรุษจีน ตั้งเป้าจะประกาศผลผ่านแอปฯ ทางรัฐ ได้อย่างเร็วในเดือนธันวาคม 2568 หากเห็นว่าข้อมูลผิดพลาด ไม่ถูกต้องก็สามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิได้ แต่กลุ่มผู้สูงอายุที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท จะต้องเป็นผู้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ และผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้น โดยตั้งกรอบงบประมาณไว้ที่ 40,000 ล้านบาท แต่ใช้จริงอาจไม่ถึงอาจแค่ 3 ล้านกว่าคน เท่านั้น
ส่วนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3 ที่ใช้วงเงินที่เหลืออีก 1.4 แสนล้านบาท คาดจะเริ่มช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2568 หลังจากจัดทำและทดสอบระบบดิจิทัลวอลเล็ตเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยกลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท เพื่อใช้ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น ไม่มีการแจกเป็นเงินสด
อดีต รมว.คลัง ชี้แจกเงินอายุเกิน 60 ปี ผิดกฎหมาย
แต่การแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับผู้อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ก็มีเสียงคัดค้านจากหลายคนมองว่า อาจเสี่ยงทำผิดกฎหมาย โดย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อ "แจกเงินอายุเกิน 60 ปี ผิดกฎหมาย" ระบุว่า การแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 มีความเห็นว่า เป็นการทำผิดกฎหมาย ฝ่าฝืน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ เพราะโครงการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความนิยม
และการแจกเงินเฟส 2 ไม่ใช่แจกกลุ่มเปราะบางอย่างแท้จริงเหมือนอย่างเฟส 1 แต่แจกแก่กลุ่มผู้มีอันจะกิน เป็นการก่อหนี้สาธารณะที่ไม่คุ้มค่าและไม่จำเป็น และมีผลกระทบเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้ มีผลมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว
"สมชาย" ชี้แจกเงินหมื่นเฟส 2 เสี่ยงคุกทั้ง ครม.
ณะที่ นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นด้วยกับโพสต์ของ นายธีระชัย ระบุว่า "เสี่ยงคุกทั้ง ครม. โดยระบุข้อความว่า แจกเงินหมื่นรอบ 2 น่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายประเด็น ดูแล้วไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจนแบบกลุ่มเปราะบาง ไม่เข้าเงื่อนไขวิกฤตเศรษฐกิจเร่งด่วน สงสัยว่าน่าจะผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และกฎหมายอื่นหลายประเด็นครับ #เตือนมาด้วยความหวังดี"
"สมชัย" เตือนระวังเจอถอดถอน ปมแจกเงินหมื่น
ขณะที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ "รู้ทันเงินหมื่น" ระบุว่า ที่แจกก่อนตรุษจีน ให้ดูเหมือนเป็นอั่งเปา ช่วงตรุษจีน คือ 29-31 มกราคม 2568 และการเลือกสมาชิก อบจ.ทั้งประเทศ คือ เสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดย พรรคเพื่อไทย คงส่งผู้สมัครทั้งประเทศแน่นอน มันใกล้กันขนาดนั้น ต้องระวังว่า จะมีผู้ร้องถอดถอนรัฐบาลทั้งชุด เนื่องจากทำผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 9 วรรคสาม "คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ"
โอนซ้ำครั้งที่ 2 แจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบาง
ส่วนวันนี้ (21 พ.ย.) เป็นวันที่ กระทรวงการคลัง จะโอนเงิน 10,000 บาท ซ้ำครั้งที่ 2 ให้กลุ่มเปราะบาง ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน และผู้พิการ ที่ยังไม่ได้รับเงินในครั้งแรก ที่ติดปัญหาเรื่องบัตรประจำตัวผู้พิการหมดอายุ รวมถึงบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ ซึ่งกลุ่มเปราะบางที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันนี้ กลุ่มผู้พิการ ที่ทำบัตรหรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 และกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567
ส่วนการโอนเงิน 10,000 บาท รอบเก็บตกครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย เงินจะเข้าวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ผู้พิการต้องทำบัตร หรือต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการภายในวันที่ 3 ธันวาคม 2567 และกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 เมื่อพ้นการโอนเงินซ้ำครั้งที่ 3 แล้ว จะยุติการจ่ายเงินให้กลุ่มเป้าหมาย และถือว่าไม่ประสงค์รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท