นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หูดับเพราะกินหมูดิบแล้ว 16 คน ป่วยอีก 180 คน
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา(สคร.9) ห่วงประชาชนกินหมูดิบ ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หูดับเพิ่มมากขึ้น พร้อมเตือนเมนูอื่นๆ ก็เสี่ยงตายไม่แพ้กัน เช่น ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ แหนมหมูดิบ นอกจากคนกินหมูดิบจะเสี่ยงติดเชื้อแล้ว โรคนี้ยังมีความเสี่ยงไปถึงพ่อครัว แม่ครัว ผู้ปรุงอาหารที่มีบาดแผลแล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ทำให้ติดเชื้อโรคไข้หูดับได้ หากติดเชื้อโรคไข้หูดับแล้วอาจทำให้สูญเสียการได้ยิน หรือที่เรียกว่าหูดับ จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้
โดยนายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคไข้หูดับว่า เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
1.เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
2.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือการสัมผัสเลือดของหมู ที่กำลังป่วย
ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง สูญเสียการได้ยิน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
โดยสถานการณ์โรคไข้หูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ถึง 21 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยโรค ไข้หูดับจำนวน 180 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 16 ราย แยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้
1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 108 ราย เสียชีวิต 7 ราย
2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 37 ราย เสียชีวิต 6 ราย
3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 21 ราย เสียชีวิต 2 ราย
4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 14 ราย เสียชีวิต 1 ราย
กลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปี ขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันโรคไข้หูดับ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตน ดังนี้
1. รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น ผ่านความร้อนอย่างน้อย 60-70 องศาเซลเซียส ในเวลา 10 นาที
2. อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
3. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
4. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ
5. ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ขณะทำงานควรสวมรองเท้าบูทยาง และสวมถุงมือ หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสหมูทุกครั้ง
6. หากมีอาการป่วย สงสัยโรคไข้หูดับโดยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับประวัติเสี่ยง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูดิบให้ทราบ หากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว ได้รับยาปฏิชีวนะเร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422.