สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ กลุ่มนักธุรกิจลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เข้าร้องเรียนกับ ดีเอสไอ กรณีร่วมลงทุนสร้างโครงการคอนโดฯดังกล่าวในระดับหลายล้านบาท ซึ่งจะได้ค่าตอบแทนกลับมาเป็นผลกำไรในการลงทุนอัตราสูง ที่ได้รับผลตอบแทนดังกล่าวจริง เนื่องจากโครงการคอนโดฯดังกล่าวมีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับในตลาดอสังหาริทรัพย์ รวมทั้งกลุ่มผู้พักอาศัย หากแต่ต่อมาการปันผลเกิดชะงักและติดขัด กลุ่มผู้ลงทุนจึงเริ่มเกิดความกังวล อีกทั้งผู้ประกอบการในขณะนั้นกลับมีท่าทีไม่แสดงความรับผิดชอบ กลุ่มนักลงทุนจึงตัดสินใจร้องเรียนกับดีเอสไอ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย กระทั่งนำไปสู่การอายัดทรัพย์โครงการดังกล่าว

ด้าน น.ส.วรพรรณ ภูมิภัคดีพันธุ์ อายุ 47 ปี ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าว่า ตนเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2561 เนื่องจากเล็งเห็นว่าได้ผลตอบแทนดี มีคนดูแลผลประโยชน์ และมีโครงการจริง โดยได้รับผลตอบแทนจริง อีกทั้งการได้รับผลตอบแทนในช่วงแรกตรงเวลามาตลอด หากแต่ปัญหาเกิดขึ้นในช่วงโควิด – 19 โครงการเริ่มขาดสภาพคล่อง จึงมีกลุ่มนักลงทุนบางส่วนกังวลว่าอาจจะถูกโกงการลงทุน จะเดินหน้าไปแจ้งความกับทางดีเอสไอ จนทำให้โครงการโดนอายัด
แต่หลังจากนั้นผู้ประกอบการเริ่มติดต่อมาขอเจรจา และเริ่มแสดงความรับผิดชอบ จึงหารือกันจนได้ข้อสรุปว่า หากโครงการโดนอายัดและต้องรอขายทอดตลาดหลังคดีสิ้นสุด จึงมองว่าอาจไม่เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมให้ดีเอสไอพิจารณาการอายัดดังกล่าว ว่าเหมาะสมหรือไม่ และมีแนวทางใดในการร่วมกันหาทางออกให้ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การเยียวยาให้กลุ่มผู้เสียหายมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของดีเอสไอได้รับเรื่อง พร้อมเตรียมนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีการมูลค่าความเสียหายสูง อีกทั้งผู้เสียหายในคดีมีหลายราย จึงต้องพิจารณาผู้เสียหายในรายอื่นด้วยเช่นกัน