ข่าวเย็นประเด็นร้อน - พ่อเลี้ยงเดี่ยวร้องสื่อ เลี้ยงลูกมา 19 ปี แม่ไม่เคยส่งเสีย แต่พอลูกเสียชีวิต ส่งทนายจะมาเอาเงินสินไหม 2 ล้านบาท
เรื่องราวสุดดรามา ถูกเปิดเผยจากเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย V +" โพสต์เรื่องราวของพ่อเลี้ยงเดี่ยวท่านหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี มีลูกชาย 1 คน เลี้ยงน้องคนเดียวมาตั้งแต่อายุ 3 เดือน กระทั่งอายุ 19 ปี ส่วนแม่เด็ก เลิกรากันไปตั้งแต่น้องอายุ 3 เดือน ต่างคนต่างแยกย้าย ลูกอยู่กับพ่อ
กระทั่งน้องมาเกิดอุบัติเหตุ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 10 วัน ก่อนเสียชีวิต นอนอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่เคยมาดู งานศพก็ไม่มา แต่พอรู้ว่าน้องจะได้รับสินไหมทดแทน ก็ส่งทนายมาเพื่อจะเอาเงินเพราะรู้ว่าแม่มีสิทธิ์ที่จะได้ตามกฎหมายระบุไว้
ทีมข่าวได้ไปคุยกับคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวท่านนี้ ชื่อคุณเกรียงไกร อายุ 46 ปี อยู่ที่เมืองราชบุรี บอกว่า ตนอยู่กินกับฝ่ายหญิง และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร จากนั้นได้เลิกราฝ่ายหญิง ตนเองเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้งแต่ลูกอายุ 3 เดือน มีปู่มีย่าคอยช่วยเหลือ ส่วนแม่เด็กทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ ไม่เคยส่งเสีย
กระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ลูกชายประสบอุบัติเหตุ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า ต้องใช้เอกสารของผู้เป็นแม่ มาใช้ประกอบการขอรับเงินค่าสินไหมทดแทน 1.5 ล้านบาท แต่ตนก็ไม่รู้จะติดต่อยังไง กระทั่งน้องสาวไปเจอบัญชีติ๊กต๊อกฝ่ายหญิง จึงส่งข้อความไปบอกข่าว และขอเอกสารส่วนตัว แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธอ้างว่าไม่สะดวก แต่กลับส่งทนายความมาใช้สิทธิความเป็นแม่ เพื่อรับเงินค่าสินไหมทดแทน และเรียกเพิ่มเป็น 2 ล้านบาท
ตนมองว่าการที่ฝ่ายหญิงทำแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควร แม้ตนจะไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่ก็เป็นคนเลี้ยงดูลูกชายมาด้วยน้ำพักน้ำแรงเพียงคนเดียวตลอด 19 ปี ส่วนฝ่ายแม่ไม่เคยหันมาเหลียวแลแม้แต่ครั้งเดียว ก็ไม่ควรที่จะได้รับเงินส่วนนี้ และเบื้องต้นได้ปรึกษาทนายความ เรื่องการทำหนังสือยื่นต่อศาล แสดงความเป็นบิดาโดยเห็นชอบด้วยกฎหมายอย่างถูกต้องแล้ว
พ่อเด็กมีแช็ตคุยกับอดีตภรรยา ที่ระบุชัดเจนว่า ให้ฝ่ายพ่อเดินเรื่องจัดการได้เลย จะไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆ เพราะอยู่ต่างประเทศ กระทั่งฝ่ายพ่อเดินเรื่องผ่าน กลับจะมาเรียกร้องสิทธิพ่อเด็กทิ้งท้าย ถ้าลูกยังอยู่ แล้วเกิดไปยิงใครตาย แม่จะมารับผิดชอบในส่วนนี้หรือไม่ คนที่รับผิดชอบจริง ๆ คือใคร ถ้าไม่ใช่ตนและครอบครัว
ทีมข่าวสอบถาม นางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ "ทนายกุ้ง" ให้ความเห็นว่า ฝ่ายชายมีสิทธิที่จะได้รับเงินในส่วนนี้เช่นกัน แต่ติดตรงที่เคสนี้ ฝ่ายชายไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตรตั้งแต่แรก จะต้องทำหนังสือยื่นคำร้องต่อศาลรับรองการเป็นบิดา โดยเห็นชอบด้วยกฎหมายก่อน ระหว่างนี้จะต้องให้โรงพยาบาลทำการคัดค้านไปก่อน ที่ฝ่ายหญิงจะมานำเงินส่วนนี้ไป อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ต้องรอทางผู้เป็นแม่ ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย