เมียจูงลูก 4 ขวบ หายืมเงินเสียค่าปรับให้ผัว หลังผัวเสพยาคลั่งทุบตีตัวเองในห้องเช่าจนถูกแจ้งความจับ

เมียจูงลูก 4 ขวบ หายืมเงินเสียค่าปรับให้ผัว หลังผัวเสพยาคลั่งทุบตีตัวเองในห้องเช่าจนถูกแจ้งความจับ

View icon 48
วันที่ 19 ธ.ค. 2567 | 15.11 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เมียจูงลูก 4 ขวบ หายืมเงินเสียค่าปรับให้ผัว หลังผัวเสพยาคลั่งทุบตีตัวเองในห้องเช่าจนถูกแจ้งความจับ เผย ขอให้โอกาสครั้งสุดท้าย ถึงแม้จะโดนทำร้ายประจำ ก็ยังให้อภัย เพราะรักสามี ไม่ยอมหนีไปไหน เพราะอยากให้ลูกมีพ่อ มีครอบครัวที่อบอุ่น

กรณีนายตี๋ อายุ 31 ปี ชาว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี หลอนยาคลั่งอาละวาดทำร้าย น.ส.นิ่ม อายุ 37 ปี ภรรยา นายชีระศักดิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของหอพัก เกรงว่านายตี๋จะนำอาวุธปืนมาใช้ และเป็นอันตรายกับผู้เช่ารายอื่น จึงแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุ ซึ่งนายตี๋ไม่ต่อสู้ขัดขืน เดินออกมามอบตัวกับตำรวจ อ้างเมียมีชู้ จากการค้นห้องพบมีด และประทัดลูกบอล ส่วนอาวุธปืนที่เคยนำมายิงขู่เมีย ได้ส่งคืนเพื่อนแล้ว ตำรวจจึงควบคุมตัวไปตรวจยาเสพติด พบฉี่สีม่วง แจ้งข้อหา” เสพยาเสพติด ประพฤติตนวุ่นวาย” ดำเนินคดี ส่วนเมียยกโทษให้เพราะยังรักสามี ไม่แจ้งทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดค่ำวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่อาพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่ง ในซอยธารเลิศ ชุมชนหนองตุ เขตเทศบาลนครอุดรธานี

ความคืบหน้าคดีดังกล่าว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2557  ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หอพักที่เกิดเหตุ พบนายชีระศักดิ์ เจ้าของอพาร์ตเมนต์ เล่าว่า นายตี๋พาเมียกับลูกมาเช่าอยู่รายวัน ต่อมาก็ขอเช่าเป็นรายเดือน 3,500 บาท ซึ่งจ่ายล่วงหน้า 1 เดือน จ่ายค่าประกันห้อง 3,000 บาท ในสัญญา 4 เดือน โดยนายตี๋จะไปขายข้าวกระเพราที่ตลาดรถไฟ ระยะแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ระยะหลังเสพยาเสพติด แล้วหลอนเริ่มจะทำร้ายเมีย ระแวงเมียจะมีชู้ ซึ่งพอตนเห็นว่านายตี๋ทำร้ายเมียก็จะเข้าไปช่วยห้ามปราม เคยเห็นนายตี๋ยิงปืน จึงยึดปืนไว้ แต่ยังไม่แจ้งตำรวจ ได้คืนปืนให้ไป หลอนหนักถึงขั้นส่งข้อความถึงตนว่ามีผู้ชายเข้ามาในห้อง และมาทำร้ายเมียอีก จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ พร้อมกับให้ย้ายออกให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองและผู้เช่ารายอื่น

ส่วน น.ส.นิ่ม และลูกชายวัย 4 ปี ได้เดินทางหายืมเงินมาเสียค่าปรับ ซึ่งนายตี๋ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.เมืองอุดรธานี  โดย น.ส.นิ่ม เล่าว่า พบรักกับนายตี๋ที่กรุงเทพ ฯ ตอนนั้นนายตี๋ทำงานขับรถโรงงานน้ำอัดลมมีชื่อยี่ห้อหนึ่ง ส่วนตนเป็นเซลล์ ตนอยู่กินฉันสามีมาได้ 4 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร เป็นคนอารมณ์ดี ไม่เคยทะเลาะมีปากเสียงถึงขั้นลงไม่ลงมือกับตน ต่อมานายตี๋ชวนลาออกจากงาน กลับมาดูแลป้ากับลุงที่ จ.อุดรธานี เพราะพ่อแม่นายตี๋เสียชีวิตหมดแล้ว ป้ากับลุงเป็นคนเลี้ยง โดยเช่าหออยู่ด้วยกัน ตอนเย็นนายตี๋จะไปขายข้าวกระเพราที่ตลาดรถไฟ แต่ขายไม่ดีทำให้เจ้ง มีวัยรุ่นทะเลาะกันบ่อย ทำให้เงินเก็บหล่อยหลอ นายตี๋หันไปเสพยาบ้า กัญชา น้ำกระท่อม พอหลอนก็จะแวงตนมีชู้ และทำร้ายร่างกายตน

“ถึงแม้จะโดนสามีทำร้ายประจำ ก็ยังให้อภัย เพราะรักสามี ไม่ยอมหนีไปไหนเพราะอยากให้ลูกมีพ่อ มีครอบครัวที่อบอุ่น พอสามีเกิดอาการหลอน อาละวาด ตนก็จะทำให้สามีอารมณ์เย็นลง ด้วยการบอกว่า ที่ทนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะรัก จะมีผู้หญิงคนไหนทนได้ขนาดนี้ ถ้ามีคนอื่นจริงคงจะหนีไปนานแล้ว ไม่มาทนอยู่แบบนี้หรอก ก็ทำให้สามีเย็นลงและคิดได้ วันนี้หาเงินมาประกันตัวสามี ยอมรับว่ากลัวหาสามีกลับไปเสพและอาละวาดทำร้ายอีก จึงบอกสามีว่าให้อภัยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายถ้าทำร้ายอีกจะขอแยกทาง ส่วนญาติทางสามีตนยังไม่ได้บอก เพราะถึงบอกไปญาติเขาก็ไม่มีใครเอาแล้ว”

ตำรวจได้นำตัวนายสมเจตน์ หรือตี๋ ออกจาห้องควบคุมที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อไปฟ้องศาล ซึ่งทั้งสองข้อหามีโทษปรับ  ผู้สื่อข่าวถามว่านอนหลับหรือไม่ นายตี๋บอกว่าหลับ สำนึกผิดแล้ว สงสารภรรยาที่หาเงินมาเสียค่าปรับ จะไม่ทำอีกแล้ว จากนั้นตำรวจได้อนุญาตให้ น.ส.นิ่ม และลูกชาย ขึ้นรถไปเสียค่าปรับที่ศาลด้วย เพราะ น.ส.นิ่มไม่มีรถเดินทางไปที่ศาล