ปีนี้ 2568 โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ คลุมทุกพื้นที่ 77 จังหวัด ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนทุกคน
(3 ธ.ค.67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเปิดโครงการระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย ผลสำเร็จของการดำเนินการในปี 2567 เต็มรูปแบบระยะที่ 3 ใน 46 จังหวัด
ประชาชนมาใช้บริการนอกหน่วยบริการประจำตามนโยบายจำนวน 6,150,579 คน
ให้บริการ 14,079,514 ครั้ง
บริการเจาะเลือดใกล้บ้าน lab Rider 30 รายการ
บริการ Telemedicine 1,206,031 ครั้ง
บริการรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน 93,927 ครั้ง
บริการจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ 573,612 ครั้ง
บริการส่งยาโดย Health Rider 379,782 ครั้ง
ส่งผลให้สามารถลดระยะเวลาบริการ จาก 2 ชั่วโมง 7 นาที เหลือเพียง 56 นาทีต่อครั้ง ลดค่าใช้จ่ายได้ 160 บาทต่อครั้ง
สำหรับการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ โดยคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพ ช่วยให้แพทย์เข้าถึงประวัติการรักษาและดูแลผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยอำนวยความสะดวกยกระดับโรงพยาบาลเป็น Smart Hospital แล้ว 902 แห่ง และพัฒนาระบบ Telemedicine AI ทางการแพทย์ ให้ทันสมัย ครอบคลุม มีระบบบริการที่ดี
สปสช. เตรียมความพร้อมระบบและแนวทางการเบิกจ่ายตามนโยบายให้กับหน่วยบริการต่าง ๆ ในระบบให้กับหน่วยบริการแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ สุขภาพดีเลือกได้ใกล้บ้าน ที่ร้านยาและคลินิกเอกชนที่เข้าร่วม เพียงสังเกตสติกเกอร์ 30 บาท รักษาทุกที่ ใช้เพียง “บัตรประชาชนใบเดียว” ก็สามารถเข้ารับบริการได้ทันที
ทั้งนี้ ในปี 2568 โอกาสความเท่าเทียมด้านสุขภาพที่ประชาชนจะได้รับเกิดขึ้นจริง โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ผ่านการใช้บัตรประชาชนใบเดียว สะดวก รวดเร็ว เพิ่มการเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาล ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสาร ซึ่งการขยายการให้บริการฯทั่วประเทศ จะทำให้โครงการนี้มีผลกระทบในเชิงบวกต่อประชาชนทุกภาคส่วน ไม่จำกัดอยู่แค่ในบางพื้นที่ ถือเป็นการพัฒนาระบบให้สมบูรณ์และครอบคลุมยิ่งขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนทุกคน