ผลวิจัยชี้ชัด เพชรสังฆาต ความหวังรักษาโรคกระดูกพรุน

ผลวิจัยชี้ชัด เพชรสังฆาต ความหวังรักษาโรคกระดูกพรุน

View icon 331
วันที่ 21 ม.ค. 2568 | 09.55 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ผลวิจัยชี้ชัด "เพชรสังฆาต" ชะลอการลดลงของมวลกระดูก สมุนไพรไทยที่เป็นความหวังรักษาโรคกระดูกพรุน อภัยภูเบศร ใช้จริงในโรงพยาบาลลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา เกษตรกรได้ประโยชน์ ปัจจุบันรับซื้อ 5 ตันต่อปี

มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา "เพชรสังฆาต" เพื่อใช้ในผู้ป่วยกระดูกบางและพรุน   โดยมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเพชรัสงฆาต และวิจัยทางคลินิกพบว่าอาจมีส่วนช่วยชะลอการลดลงของมวลกระดูกในผู้ป่วยกระดูกบางในช่วงเวลา 6 เดือน  ปัจจุบันได้นำมาใช้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล และติดตามผลลัพธ์การใช้ที่นานขึ้น ผลการใช้เบื้องต้นพบว่า การเสริมการรักษด้วยเพชรสังฆาตช่วยชะลอการลดลงของมวลกระดูก  หลังจากใช้ต่อเนื่อง  1 ปีขึ้นไป

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ คณะกรรมการติดตามและประเมินผลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และคณะ พร้อมด้วยคณะจากศูนย์วิจัยเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เข้าเยี่ยมชมความก้าวหน้าและติดตามผลโครงการวิจัย "การศึกษาอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมและการพัฒนาวิธีคิดวิเคราะห์เชิงปริมาณของวัตถุดิบเพชรสังฆาต (ระยะที่ 2)"  ณ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ที่จะพัฒนาวิธีการปลูกเพชรสังฆาตที่มีสารสำคัญสูง และถ่ายทอดต่อให้กับเกษตรกร ซึ่งโครงการนี้เป็น 1 ใน 7 โครงการที่ได้รับเลือกจากคณะกรรมการเป็นกรณีศึกษาที่มีความโดดเด่นด้านผลงานที่สร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน และประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนต่อการรักษาโรคริดสีดวงทวารหนักทั้งระยะเฉียบพลันและระยะต่อเนื่อง พบว่าเพชรสังฆาตให้ต้นทุนต่อคอร์สการรักษาที่ถูกกว่ายาแผนปัจจุบัน 1.4-1.5 เท่า  และที่สำคัญวัตถุดิบนี้สามารถผลิตได้เองภายในประเทศโดยเกษตรกรไทย

สำหรับในโรคกระดูกพรุนซึ่งเป็นโรคที่มีแนวโน้มเกิดสูงขึ้นและเป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงของภาครัฐในการรักษาถึงปีละ 136,470 ล้านบาท  และมีรายงานของการใช้ยาแผนปัจจุบันที่มีราคาต่อการรักษาต่อปีอยู่ระหว่าง 10,872 บาท -231,120 บาท โดยหากมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องคาดว่าเพชรสังฆาตจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางการรักษาได้ นอกจากประโยชน์ทางการแพทย์แล้ว โครงการนี้ยังสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในชุมชนท้องถิ่น โดยมีกลุ่มสมุนไพรบ้านทาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี เป็นแหล่งผลิตสำคัญ ภายใต้การดูแลของ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ปัจจุบันปริมาณการรับซื้อสมุนไพรเพชรสังฆาตเฉลี่ย 5 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งหากมีวิจัยต่อเนื่องและได้รับการสนับสนุนจากภาคนโยบายให้ใช้ยาสมุนไพรมากขึ้น  จะสามารถรับซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นด้วย ความสำเร็จครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาสมุนไพรไทยอย่างครบวงจร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสมุนไพรไทยในการรักษาโรค ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง