(7 ก.พ.68) เมื่อเวลา 00.10 น. พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ได้เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับมือถือของ แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ที่นำมาจาก บังแจ็ค ซึ่งอาศัยอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ DSI รอรับตั้งแต่ลงเครื่อง
ทันทีที่ หมอธวัชชัย เดินทางมาถึงก็ได้ส่งมอบมือถือของ แตงโม ที่ห่อด้วยพลาสติก 2 ชั้นให้กับทางเจ้าหน้าที่หน่วยนิติเวชวิทยา (CSI) จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ DNA อย่างละเอียดทั้งถุงพลาสติกที่ห่อหุ้มมือถือ และตัวโทรศัพท์ รวมไปถึงเคสมือถือ และขอเก็บตัวอย่าง DNA ของ หมอธวัชชัย ไว้ด้วย


ระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการพิสูจน์หลักฐาน หมอธวัชชัย ได้วีดีโอคอลหา บังแจ็ค เพื่อสอบถามรหัสมือถือ แต่เจ้าตัวเผยว่าจะบอกต่อเมื่ออยู่ในที่ปลอดภัยเท่านั้น และยังเล่าให้ฟังอีกว่า มีคนเสนอเงินถึง 5 ล้านเพื่อแลกกับมือถือเครื่องนี้ แต่ตนไม่ได้หวังเรื่องเงิน อยากให้ไขคดีเรื่องนี้มากกว่า อีกทั้งยังเตือนว่าห้ามเปิดรูปในเครื่องให้ใครเห็น เพราะมีภาพที่ไม่สมควรเผยแพร่
หลังจากนั้น หมอธวัชชัย พร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์ โดยหมอธวัชชัย บอกว่า ได้ดูทุกอย่างในเครื่องหมดแล้ว และได้ถ่ายคลิปเก็บไว้ เพื่อที่จะไม่สัมผัสกับตัวมือถือ
ส่วนเรื่องที่ว่ามีหลักฐานเด็ดที่จะมัดตัวใครได้บ้าง หมอธวัชชัย เผยว่าเรื่องเจ้าหน้าที่ประพฤติและจำเลยทำลายหลักฐานโดนแน่ ๆ แต่เรื่องฆาตกรรมอาจจะไม่มีหลักฐานขนาดนั้น อยากให้รีบ ๆ สารภาพ เพื่อจะได้จบ ไม่ว่าจะเป็น 5 คนบนเรือ หรือ ข้าราชการ เพราะ ตนยืนยันได้ว่าตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มกว่า ไม่มีภาพของ แตงโม ในมือถือเลย เรื่องนี้คนบนเรือสามารถตอบได้ไหมว่าเป็นเพราะเหตุใด

ด้าน อัจฉริยะ เปิดเผยว่า มือถือเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะพวกตนมีหลักฐานอย่างอื่นจากการที่เจ้าหน้าที่ DSI รวบรวมหลักฐานได้มาเป็นจำนวนมาก คาดการณ์ว่ามีคนร่วมอยู่ในขบวนการนี้ทั้งตำรวจและนักการเมืองมากกว่า 100 คน ไม่เกินวันพุธนี้ก็จะทราบว่าเป็นโทรศัพท์ของ แตงโม จริงไหม และในเครื่องมีอะไรบ้าง ทั้งรูป แช็ตไลน์ และข้อมูลการโทรในวันเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565
ในส่วนของ อ.ปานเทพ เปิดเผยสั้น ๆ ว่า ตนเชื่อมั่นในการทำงานของ DSI ชุดนี้ เพราะมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา สังเกตได้จากการที่เปิดพื้นที่ในการตรวจสอบ DNA ต่อหน้าสื่อมวลชน
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของการสืบสวนในคดีนี้ ได้เปิดเผยว่า ทางทีมงานได้ไปรับมือถือตั้งแต่ลงเครื่อง และได้ตรวจว่ามี DNA ของผู้ใดติดอยู่กับตัวโทรศัพท์ เมื่อทราบผลแล้ว ทางพนักงานสืบสวนจะขยายผลเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องที่มี DNA ที่ตัวเครื่องโทรศัพท์หรือว่ามีข้อมูลที่อยู่ในเครื่องโทรศัพท์มาพบ

จากนี้จะเก็บมือถือไว้ที่ห้องความมั่นคงเก็บด้วยความลับขั้นสูงสุด โดยมีขบวนรถนำไปส่งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และจะส่งไปที่นิติวิทยาศาสตร์ไปเก็บหลักฐานทางแล็บต่อไป โดยในวันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ ก็จะมีการเชิญบุคคลมาให้การ ส่วนวันที่ 17 กุมภาพันธ์จะประสานความร่วมมือกับกรมเจ้าท่ากรมชลประทานในการเก็บรวบรวมหลักฐานสแกนภาพจากแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดในช่วงที่เรือวิ่งและจะใช้ GPS ตามช่วงเวลาที่เกิดเหตุเก็บข้อมูลทั้งหมด โดยจะมีการสแกนใต้น้ำและเก็บรวบรวมในสถานที่สงสัยอยู่โดยใช้เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้มีข้อสงสัยอยู่ 6 จุด จาก GPS ที่มีสิ่งผิดปกติ
หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวทีม DSI ก็ได้นำขบวนรถไปส่ง หมอธวัชชัย ถึงที่บ้านเพื่อความปลอดภัย