ผงะ! สารเคมีอันตราย ซุกบ้านเช่ากลางชุมชนในจังหวัดอยุธยา “เอกนัฏ” ส่ง “ทีมสุดซอย” ตรวจสอบ-ยึดอายัด พบเคยถูก “กรมศุลฯ” สั่งยึดอายัด แต่ยังฝ่าฝืนทำผิด สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด พร้อมหาความเชื่อมโยงอาจนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด
วันนี้ (13 มี.ค.68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่า มีชาวต่างชาติเช่าบ้านพักกลางชุมชน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และขนย้ายสารเคมีไม่ทราบชนิดนำไปจัดเก็บจำนวนมาก ประชาชนเกรงว่าจะระเบิดหรือเกิดไฟไหม้ ส่งผลกระทบเป็นอันตรายอย่างรุนแรงกับประชาชนที่พักอาศัยอยู่โดยรอบ จึงได้ส่งทีมตรวจสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมด้วย เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (สอจ.พระนครศรีอยุธยา) สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร และหน่วยงานท้องถิ่น ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบอาคารโกดังในตำบลเชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.อยุธยา
“การเข้าตรวจสอบโกดังดังกล่าว ได้เบาะแสจากชาวบ้านในพื้นแล้ว ยังได้ขยายผลพบความเชื่อมโยงในการตรวจโกดังลักลอบแบ่งบรรจุและเก็บสารเคมีอันตรายที่ ต.คานหาม อ.อุทัย จ.อยุธยา ซึ่ง กรอ., สอจ.อยุธยา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบเมื่อ 21 ก.พ. 68 พบสารเคมีอันตรายจำนวนมาก เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 โดยไม่พบหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองวัตถุอันตราย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีและอายัดสารเคมีดังกล่าวไว้แล้ว” นายเอกนัฏ ระบุ
ด้าน น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโกดังแห่งนี้ พบ น.ส.เฉียนซุ่น จ้าว กรรมการบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้เช่าโกดัง ภายในโกดังมีการแบ่งบรรจุสารเคมี พร้อมติดป้ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท และมีการล้างภาชนะที่ปนเปื้อนสารเคมีในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังพบกระสอบสารเคมีที่มีป้ายระบุว่าเป็นของกลางที่กรมศุลกากรยึดอายัดไว้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 67 ได้แก่ โซเดียมซัลไฟต์ โซเดียมไฮดรอกไซด์ โพลีเฟอริกซัลเฟต กรดซิติก อะลูมิเนียมคลอไรด์ โพลีอะคริลาไมต์โพแทสเซียมคาร์บอเนต โซดา แอช ไลท์ และโซเดียมคลอเลต รวมกว่า 1,794 กระสอบ และยังพบสารเคมีที่เป็นสารควบคุมของ กรอ. ได้แก่ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) บรรจุในถังขนาด 25 ลิตร จำนวน 101 แกลลอน โซเดียมไฮดรอกไซด์ (sodium hydroxide) ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม จำนวน 183 กระสอบ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 โซเดียมคลอเรต (sodium chlorate) ขนาดบรรจุ 25 กิโลกรัม จำนวน 28 กระสอบ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3
ทั้งนี้ ไม่พบหลักฐานที่แสดงว่า บริษัทฯ มีการแจ้งข้อเท็จจริงเพื่อนำเข้า หรือผลิต หรือครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 และขออนุญาตนำเข้าหรือครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 21 บทกำหนดโทษตามมาตรา 71 แห่งพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตามมาตรา 23 วรรคหนึ่ง บทกำหนดโทษตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 จึงเก็บตัวอย่างสารเคมีไปตรวจสอบ พร้อมทั้งยึดอายัดสารเคมีทั้งหมด และแจ้งความดำเนินคดีบริษัทงฯ
นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเช่าในตำบลบ้านสร้าง อ.บางปะอิน จ.อยุธยา เพื่อขยายผลกรณีมีชาวต่างชาตินำสารเคมีไม่ทราบชนิดนำมาเก็บอยู่ในบ้านพักดังกล่าว จากการตรวจสอบพบถังสารเคมี (25 ลิตร) จำนวน 144 แกลลอน บางถังติดฉลากเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างสารเคมีนำไปตรวจวัดวิเคราะห์ต่อไป
“ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบโกดังและโรงงานต้องสงสัยเพิ่มเติม เพื่อสกัดกั้นเส้นทางการลักลอบกระจายสารเคมีอันตรายที่อาจแพร่กระจายไปทั่วประเทศ และจะติดตามเส้นทางของสารเคมีบางชนิดที่อาจถูกนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการควบคุมสารเคมีอันตรายอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบใช้สารเคมีอันตรายในทางที่ผิดและลดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่” น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าว