เวลา 08.02 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ วังสระปทุม ทรงเป็นประธานการประชุมสามัญคณะกรรมการมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2568 ร่วมกับการประชุมชุมคณะกรรมการมูลนิธิฯ ครั้งที่ 2/2568 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์) เพื่อรับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานปี 2567 และแผนการดำเนินงาน ปี 2568 โดยปี 2567 มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ อาทิ การนำผลงานวิจัยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติแบบเคลื่อนย้ายได้ หรือ โมบิสแกน ซึ่งพัฒนาและสร้างขึ้นในประเทศไทย ไปใช้ช่วยวางแผนการผ่าตัดคนไข้ปากแหว่งเพดานโหว่, นำระบบผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และระบบสื่อสารอินเทอร์เน็ตไปใช้ประโยชน์ด้านการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพชีวิต อนุรักษ์วัฒนธรรมและความหลากหลายทางชีวภาพ ในโรงเรียน ตชด. ในถิ่นทุรกันดารบริเวณพื้นที่ชายขอบ, จัดหาน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตรสะอาดปราศจากมลพิษให้แก่โรงเรียน ตชด. บ้านเทพภูเงิน อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี และชุมชนใกล้เคียง ที่ประสบปัญหาแหล่งน้ำดิบปนเปื้อนมลพิษของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช, ช่วยเหลือคนพิการให้ดำรงชีวิตได้อย่างอิสระ, พัฒนาเยาวชนในชนบท เรือนจำ สถานพินิจ ให้มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และโค้ดดิ้ง นำไปใช้ศึกษาต่อ ประกอบอาชีพได้ ในปี 2567 มีผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการและกิจกรรมของมูลนิธิฯ กว่า 12,000 คน
เวลา 14.12 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปยัง หอประชุมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 โอกาสนี้ ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
จากนั้น พระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน พระราชทานรางวัลเชิดชูเกียรติ "ตุงทองคำ" 1 คน แก่ผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาด้านพยาบาลศาสตร์ พร้อมพัฒนาสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมาอย่างต่อเนื่อง และพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ปริญญาโท และปริญญาตรี รวม 2,431 คน
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เปิดสอน 67 หลักสูตร ใน 15 สำนักวิชา จัดการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ เป็นหลัก และใช้ภาษาจีน เป็นภาษาที่สอง ทำให้บัณฑิตมีทักษะและความสามารถที่โดดเด่น
โอกาสนี้ พระราชทานพระราโชวาทความว่า "บัณฑิตทั้งหลาย ต่างก็สำเร็จการศึกษา สมกับที่ได้ตั้งใจพากเพียรมาโดยตลอดเเล้ว ต่อไปก็ถึงวาระที่จะต้องออกไปทำงาน และดำเนินชีวิตในสังคมร่วมกับผู้อื่น การที่จะดำเนินชีวิตและประกอบกิจการงานให้สำเร็จผลที่ดีที่เจริญได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยความคิดที่ดีที่ถูกต้องเป็นพื้นฐาน ในเรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทไว้ ความว่า "ความคิดนั้นสำคัญมาก ถือได้ว่าเป็นแม่บทใหญ่ของคำพูดและการกระทำทั้งปวง กล่าวคือ ถ้าคนเราคิดดี คิดถูกต้องทั้งตามหลักวิชา และคุณธรรม คำพูดและการกระทำก็เป็นไปในทางที่ดีที่เจริญ แต่ถ้าคิดไม่ดีไม่ถูกต้อง คำพูดและการกระทำก็อาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียหาย ทั้งแก่ตัวเองและส่วนรวมได้ ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่บุคคลจะพูดจะทำสิ่งใด จำเป็นต้องหยุดคิดเสียก่อนว่า กิจที่จะทำ คำที่จะพูดนั้นผิดหรือถูก เป็นคุณประโยชน์ หรือเป็นโทษเสียหาย เป็นสิ่งที่ควรพูด ควรกระทำ หรือควรงดเว้น เมื่อคิดพิจารณาได้ดังนี้ ก็จะสามารถยับยั้งคำพูดที่ไม่สมควร หยุดยั้งการกระทำที่ไม่ถูกต้องพูด และทำแต่สิ่งที่จะสัมฤทธิ์ผลเป็นคุณ เป็นประโยชน์ และเป็นความเจริญ" จึงขอให้บัณฑิตทุกคน น้อมนำพระบรมราโชวาทที่ได้เชิญมานี้ ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และประกอบกิจการงานสืบไป"
เวลา 16.32 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเททองหล่อ พระรูป "สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ประทับคู่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ณ มลฑลพิธี ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมูลนิธิ 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ สนับสนุนการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ฯ สร้างด้วยวัสดุซิลิคอนบรอนซ์ ขนาด 2 เท่าของพระองค์จริง เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้มารับบริการ ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตลอดจนสืบสานพระราชปณิธานด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ให้มีความเจริญก้าวหน้าและทัดเทียมนานาประเทศ พระรูปฯ นี้ จะประดิษฐาน ณ บริเวณด้านหน้าอาคารโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
เวลา 18.24 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารวันชัย ศิริชนะ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ทอดพระเนตรนิทรรศการดิจิทัล "รวมศาสตร์ศิลป์ รับมือภัยพิบัติ สู่ชุมชนยั่งยืน" นำเสนอแนวทางจัดการภัยพิบัติจากอุทกภัยปี 2567 ในจังหวัดเชียงราย ผ่านเทคโนโลยีทันสมัย ประกอบด้วยโมชั่นกราฟิก เว็บแอปพลิเคชัน และเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ VR อาทิ การสาธิตเว็บแอปพลิเคชัน disaster.mfu.ac.th ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลภัยพิบัติโดยเฉพาะอุทกภัย โดยเก็บข้อมูลภาพและข้อความจากภาคีเครือข่าย นำมาประมวลผลเป็นแผนที่อุทกภัยตามเวลาจริง แสดงข้อมูลพื้นที่พักพิง และเส้นทางที่ไม่สามารถสัญจรได้ ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายหมื่นคนในช่วงเกิดเหตุอุทกภัย, การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการจัดเก็บข้อมูลโบราณสถานด้วย VR Chiang Saen โครงการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงแสนด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง ได้ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลโบราณสถานที่สำคัญในเขตเมืองเชียงแสน กว่า 30 วัด ใช้เทคโนโลยีการสแกนวัตถุ 3 มิติ ความละเอียดสูง และได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานกว่า 500 คน, การนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการเพื่อรับมือภัยพิบัติแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านป้องกันภัยพิบัติมุ่งเน้นการพัฒนาระบบสารสนเทศ จัดทำคู่มือ การเตรียมความพร้อม การบริหารจัดการความเสี่ยง และพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ด้านบรรเทาภัยพิบัติ ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งศูนย์อำนวยการ และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารในภาวะฉุกเฉิน การดูแลสุขภาพ เปิดศูนย์พักพิง บูรณาการความช่วยเหลือ และฟื้นฟูหลังภัยพิบัติที่ครอบคลุมทั้งในมิติสุขภาวะ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับ นักศึกษาจากวงดนตรีประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง หรือ MFU BAND ร่วมขับร้องเพลง "นารีรัตนา" ถวายแด่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี