เวลา 17.24 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ช่วยบรรเทาความแออัดของผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้มีความพร้อมในการรองรับการเติบโตของการเดินทางทางอากาศในอนาคต โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เชิญตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 มาประดิษฐานที่ป้ายชื่ออาคาร
อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 เป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เริ่มเปิดให้บริการในปี 2566 มีพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร 216,000 ตารางเมตร ใช้การก่อสร้างระบบ Modular ที่ก่อสร้างได้รวดเร็วและใช้วัสดุที่ดูแลรักษาได้ง่าย คำนึงถึงการออกแบบอาคารที่ยั่งยืน เพื่อช่วยให้อาคารประหยัดพลังงาน เน้นการใช้แสงจากธรรมชาติ
การตกแต่งภายในอาคาร มีการออกแบบให้เข้ากับอาคารผู้โดยสารหลัก ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย ซึ่งครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ และวิถีชีวิต โดยเป็นอาคารสูง 4 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น ประกอบด้วย ชั้น B2 เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ ซึ่งนำรถไฟฟ้าแบบไร้คนขับมาให้บริการผู้โดยสาร ในการเดินทางระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 179 คนต่อขบวน, ชั้น B1 เป็นพื้นที่ห้องงานระบบ, ชั้น G เป็นพื้นที่สำหรับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระและพื้นที่สำนักงาน, ชั้น 2 เป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้า และพื้นที่สำหรับผู้โดยสารเชื่อมต่อเที่ยวบิน ได้รับการออกเป็นสวนสัญจรผ่าน จัดแสดงงานภูมิทัศน์ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมของไทย เช่น หุ่นละครเล็ก หนังใหญ่ หัวโขน ว่าวไทย, ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออก มีผลงานออกแบบชิ้นเอก คือ ช้างคชสาร ตั้งอยู่บริเวณโถงกลาง มีพื้นที่พักคอยสำหรับผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องเป็นแบบ Open Gate ออกแบบให้เป็นสวนตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ตามคติความเชื่อไทยโบราณ อาทิ กินรี เหมราช และหงส์สา, ชั้น 4 เป็นพื้นที่สำหรับห้องรับรองพิเศษผู้โดยสาร ห้องรับรองของสายการบิน และอื่น ๆ ส่วนปลายอาคารทั้ง 2 ด้าน ติดตั้งสุวรรณบุษบก และรัตนบุษบก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางมารวิชัย และปางเปิดโลก โดยถอดแบบมาจากวัดผาซ่อนแก้ว โดยมีหลุมจอดประชิดอาคาร 28 หลุมจอด ในปี 2567 ได้รับรางวัล Prix Versailles ในฐานะสนามบินสวยที่สุดในโลก สาขาสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านรูปลักษณ์อาคาร
จากการจราจรทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างทางเส้นที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินจาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง หรือเฉลี่ยรองรับปริมาณเที่ยวบินได้วันละ 800-1,000 เที่ยวบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลก
ในการนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการ "คมนาคมรวมใจ นำไทยสู่ศูนย์กลางการบิน" และแบบจำลองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (เต็มรูปแบบ) อาทิ นิทรรศการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และพระปรีชาสามารถด้านการบิน รวมถึง พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อการบินไทย, กระทรวงคมนาคม จัดแสดงนโยบายและโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ, นิทรรศการของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่บอกเล่าการดำเนินกิจการท่าอากาศยานไทย 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานชื่อว่า "สุวรรณภูมิ" อันมีความหมายว่า "แผ่นดินทอง" และเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2545 เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางอากาศของประเทศ เพื่อให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินของโลกเชื่อมโยงประเทศไทยกับจุดหมายปลายทางทั่วทุกมุมโลก นำมาซึ่งการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของประเทศ