รวบ 2 นักล่าน้ำผึ้งคาเขตอุทยานแห่งชาติ ยึดน้ำผึ้งป่ากว่า 100 กิโลกรัม

รวบ 2 นักล่าน้ำผึ้งคาเขตอุทยานแห่งชาติ ยึดน้ำผึ้งป่ากว่า 100 กิโลกรัม

View icon 730
วันที่ 8 เม.ย. 2568 | 10.20 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
รวบชาย 2 คน ลักลอบเก็บน้ำผึ้งในเขตอุทยานแห่งชาติ พร้อมของกลางน้ำผึ้งป่ากว่า 100 กิโลกรัม, เนื้อสัตว์รมควัน, ตาข่ายดักปลา และอุปกรณ์ล่าสัตว์ หลังกล้องดักถ่ายภาพบันทึกพฤติกรรม

วันนี้ (8 เม.ย. 68) นายนพพร ประทุมเหง่า ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สาขาเพชรบุรี) เผยว่า นายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รายงานว่า นายญาณ อ้วนสิงห์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน และทหารจากหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 คน ขณะลักลอบเก็บน้ำผึ้งป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ

โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ (NCAPs) บริเวณรอยต่อผืนป่ามรดกโลกอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ซึ่งได้บันทึกภาพบุคคลต้องสงสัย 6-8 คน ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม - 4 เมษายน 2568 ทางเจ้าหน้าที่จึงร่วมวางแผนและเริ่มลาดตระเวนตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2568 โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการดักซุ่มบริเวณใกล้จุดตั้งกล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ บริเวณป่าพุจิเกาะ หมู่ที่ 4 บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

กระทั่งเวลาประมาณ 9.30 น. เมื่อวานนี้ (7 เม.ย. 68) เจ้าหน้าที่พบชาย 2 คน สะพายกระสอบสีขาวขนาดใหญ่เดินผ่านบริเวณที่ดักซุ่ม ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและทำการจับกุม ทราบชื่อภายหลังคือ นายแอโชะ อายุ 50 ปี และนายแคเล่ อายุ 54 ปี จากการรวมของกลางทั้งหมดที่ตรวจพบประกอบด้วย น้ำผึ้งป่า 100 กิโลกรัม, เนื้อสัตว์รมควันไม่ทราบชนิด, ตาข่ายดักปลา และอุปกรณ์การกระทำผิดต่าง ๆ

โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ในข้อหา:
1. มาตรา 19(2) ประกอบมาตรา 42 ฐานเก็บหา นำออกไป กระทำประการใด ๆ ให้เป็นอันตรายหรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. มาตรา 19(3) ประกอบมาตรา 43 ฐานล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. มาตรา 19(6) ประกอบมาตรา 44 ฐานเข้าไปดำเนินกิจการใด ๆ เพื่อหาประโยชน์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4. มาตรา 19(7) ประกอบมาตรา 45 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไป มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
5. มาตรา 20 ประกอบมาตรา 47 ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันทำบันทึกการตรวจยึดและการจับกุม หลังจากนั้นได้ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปยัง สภ.บ้านคา จ.ราชบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีข้อสั่งการให้เข้มงวดการตรวจสอบและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าและการกระทำผิดในพื้นที่ พร้อมให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด