เวลา 09.03 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปยังพระมหามณเฑียร ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพระราชพิธีสงกรานต์ พุทธศักราช 2568 ในการนี้ ทรงพระสุหร่ายฉีดสรงพระพุทธรูปสำคัญต่าง ๆ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง ทรงสรงพระบรมสารีริกธาตุ ณ หอพระสุราลัยพิมาน จากนั้น เสด็จออกไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระสยามเทวาธิราช แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังหอพระธาตุมณเฑียร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศถวายราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ แล้วทรงสรงน้ำพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ทั่วทุกพระโกศ ทรงกราบที่พระแท่นหน้าเครื่องราชสักการะ
จากนั้น เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทางพระทวารเทวราชมเหศวร โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โอกาสนี้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาศีล เมื่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีลและถวายพรพระ จบ ทรงจุดธูปเทียนที่พนมข้าวบิณฑ์หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา แล้วทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ปิ่นโตภัตตาหารนอกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคนและประเคน จนครบ 77 รูป เสร็จแล้ว เจ้าพนักงานเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ และพระโกศพระอัฐิ ออกประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร และบนพระที่นั่งกง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงทอดผ้าคู่ถวายพระสงฆ์ 18 รูป พระสงฆ์สดับปกรณ์ แล้วทรงทอดผ้าคู่ถวายพระสงฆ์สดับปกรณ์ อีกจำนวน 3 เที่ยว เที่ยวละ 18 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลาแล้ว ทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา และทรงกราบพระบรมอัฐิ และพระอัฐิ ที่หน้าพระแท่นพระนพปฏลมหาเศวตฉัตร
พระราชพิธีสงกรานต์ คือ พิธีที่พระมหากษัตริย์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันเถลิงศกขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ ตามประเพณีของไทยแต่โบราณ ซึ่งกระทำช่วงกลางเดือนเมษายน และมีถึง 3 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 13-15 เมษายน ส่วนปัจจุบัน มีพระราชพิธีเฉพาะวันเถลิงศก คือ วันที่ 15 เมษายนเพียงวันเดียว แม้ว่าประเทศไทย ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคมแล้วนั้น จึงไม่ได้มีการยกเลิกการพระราชพิธีสงกรานต์ ประเพณีการกฏิบัติของคนไทย เนื่องจากทั้งพระมหากษัตริย์หรือสามัญชน มีจุดมุ่งอันเดียวกัน คือ การบำเพ็ญกุศล มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให่แก่บุพการี มีการสรงน้ำพระ สรงน้ำปูชนียวัตถุ สรงน้ำอัฐิญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นประเพณีที่เป็นเครื่องแสดงถึงความเคารพสักการะในพระศาสนา เคารพสักการะบุพการีทั้งที่ล่วงลับและยังมีชีวิตอยู่ นับเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาธรรม อันเป็นวัฒนธรรมที่สูงส่งและเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งของคนไทย
อนึ่ง ในวันที่ 13 ถึงวันที่ 15 เมษายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ พุทธศักราช 2568 ด้วย