ดีเอสไอ ลุยค้น 4 จุด ไชน่าเรลเวย์-กิจการร่วมค้า หาหลักฐานคดีนอมินีสร้างตึก สตง. เผยแบ่งพยาน 3 กลุ่ม สอบปากคำแล้ว 10 ปาก จ่อประสานวิศวกรอายุ 85 ปี เข้าให้ข้อมูล
วันนี้ (17 เม.ย.68) ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทกิจการร่วมค้า รวม 4 จุด เพื่อหาหลักฐานเอกสาร และพยานวัตถุที่เกี่ยวข้องในคดีนอมินี ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยสามารถตรวจยึดสำเนาเอกสารได้เป็นจำนวนมาก
ร.ต.อ. สุรวุฒิ เผยว่า ขณะนี้มีบุคคล 2 ราย เข้ามาแสดงตัวกับดีเอสไอว่าถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อเป็นผู้ควบคุมงาน ส่วนบุคคลที่เหลือที่มีรายชื่อเป็นวิศวกรผู้ควบคุมงานปรากฎในเอกสารของ สตง. อีก 49 คน พนักงานสอบสวนจะทยอยเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด เบื้องต้นสอบปากคำพยานบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้วประมาณ 10 ปาก และในวันนี้พรุ่งนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ก็ได้เรียกสอบปากคำตัวแทนบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ , บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด รวมทั้งผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นหมายเรียกกลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้องรวม 7 ราย
ส่วนหมายเรียกกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี 6 ราย และกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มผู้เสนอราคา 6 ราย โดยทั้ง 3 กลุ่มนี้ พนักงานสอบสวนจะทยอยออกหมายเรียกมาให้ปากคำระหว่างวันที่ 18 เม.ย.ถึง 15 พ.ค.นี้
ด้าน พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ดีเอสไอยังอยู่ระหว่างขยายผลสืบสวนหาตัวผู้ที่แอบอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานอนุกรรมการคลินิกช่างฯ ว่าเป็นบุคคลใด และตรวจสอบว่าในกระบวนการก่อสร้างตึก สตง. มีวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องกี่คนกันแน่ และเป็นบุคคลใดบ้าง
ส่วนนายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ที่มีชื่อลงนามเป็นผู้ออกแบบตึก สตง. นั้น ดีเอสไอได้ประสานขอความร่วมมือให้เข้าให้ข้อมูลแล้ว แต่ยังไม่ได้กำหนดวันนัดหมายแน่ชัดว่าเจ้าตัวจะมาหรือไม่ และเมื่อไหร่ เชื่อว่านายพิมลอาจจะเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่มาใช้ต่อกับคดีอื่นๆ ได้