ป.ป.ช. ชี้มูล “ภูมิ สาระผล” ร่ำรวยผิดปกติ มีเงินมากขึ้นเกือบ 20 ล้านบาท ซุกเมีย-ลูก ส่งสำนวนให้ อสส. ขอศาลสั่งให้ยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
วันนี้ (25 เม.ย.68) นายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวาระปี 2554 และตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ มูลค่ารวม 19,947,750 บาท ซึ่งอยู่ในการถือครองของนางอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส น.ส.ภณิดา สาระผล และนายภพพล สาระผล บุตร พร้อมกันนี้ได้ส่งอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน โดยมีทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ดังนี้
1. ทรัพย์สินในชื่อของนางอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส คือ เงินที่นำไปชำระค่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คน ยี่ห้อ VOLKSWAGEN มูลค่า 3,280,000 บาท จากบริษัทพรีเมี่ยม ออโต้ จำกัด จำนวน 1,430,000 บาท
2. ทรัพย์สินในชื่อของ น.ส.ภณิดา ได้แก่
2.1 เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสรงประภาดอนเมือง ประเภทสะสมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางสาวภณิดา สาระผล จำนวน 3 รายการ รวมจำนวน 1,386,750 บาท
2.2 เงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาถนนสรงประภา (ดอนเมือง) ประเภทสะสมทรัพย์ จำนวน 490,000 บาท
2.3 เงินฝากในบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ประเภทสะสมทรัพย์ จำนวน 3 รายการ รวมจำนวน 2,261,000 บาท
2.4 เงินที่ น.ส.ภณิดา ได้มาจากการขายที่ดิน ตำบลยายชา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2563 จำนวน 11,000,000 บาท ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจพบพฤติการณ์การทำธุรกรรมของบุคคลใกล้ชิดนายภูมิ ที่ไม่ใช่ญาติ นำเงินสดไปซื้อแคชเชียร์เช็คธนาคารเพื่อชำระค่าซื้อที่ดินแปลงติดริมแม่น้ำนครชัยศรี โดยมีการระบุราคาตามสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นเงิน 3,500,000 บาท แต่ปรากฏเส้นทางการเงินว่ามีการนำเงินสดไปซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายผู้ขายที่ดิน จำนวน 2 ฉบับ คือ แคชเชียร์ฉบับที่ 1 จำนวน 3,500,000 บาท และแคชเชียร์เช็คฉบับที่ 2 จำนวน 4,800,000 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 8,300,000 บาท โดยใช้ชื่อ น.ส.ภณิดา สาระผล เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และต่อมา น.ส.ภณิดา ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้บุคคลอื่น ในราคา 11,000,000 บาท
2.5 เงินดาวน์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น PRIUS ที่น.ส.ภณิดา ชำระด้วยเงินสด รวมจำนวน 880,000 บาท
3. ทรัพย์สินในชื่อของนายภพพล ได้แก่
3.1 เงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น ประเภทฝากประจำ จำนวน 500,000 บาท
3.2 เงินที่นายภพพล นำไปซื้อที่ดินตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น และโฉนดที่ดินตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน 2 แปลง ราคาตามสัญญา 1,000,000 บาท
3.3 เงินที่นายภพพล นำไปซื้อโฉนดตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น จำนวน 1 แปลง ราคาตามสัญญา 1,000,000 บาท
สำหรับเงินที่นางอรอนงค์ คู่สมรส นำไปชำระค่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ยี่ห้อ VOLKSWAGEN จำนวน 1,850,000 บาท และเงินที่นำไปชำระค่ารถยนต์ นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ยี่ห้อ JAGUAR จำนวน 1,000,000 บาท เป็นทรัพย์สิน ที่ผู้ถูกกล่าวหาแสดงแหล่งที่มาได้ จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ซึ่งอยู่ในการถือครองของนางอรอนงค์ คู่สมรส น.ส.ภณิดา และนายภพพล เป็นเงินทั้งสิ้น 19,947,750 บาท ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตามรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 118 ต่อไป
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วแต่กรณี ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.68 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการไต่สวนพร้อมเอกสารหลักฐานให้สำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว