เวลา 10.00 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช 2568 โอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี และ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบ ทรงศีล เมื่อสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล และพระสงฆ์ถวายพรพระ จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนปิ่นโตภัตตาหารแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ ปิ่นโตภัตตาหารนอกนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระราชวงศ์ องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทรงประเคน และประเคน จนครบ 20 รูป เสร็จแล้ว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระราชาคณะ แล้วประทับยืนประเคนแด่พระราชาคณะเจ้าคณะรอง และพระราชาคณะ ซึ่งจะเดินเข้าไปรับจนครบ 20 รูป ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา
จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยบูชาเทวดาที่รักษาพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ทรงคม พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ครบ 3 รอบ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เจิมพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วโหรหลวงผูกผ้าสีชมพู เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ทองคำประจำรัชกาลที่พระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร แล้วทรงกราบพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 9 ที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา
พระราชพิธีฉัตรมงคล เป็นพระราชพิธีเฉลิมฉลองสมโภชพระมหาเศวตฉัตร เครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระแสงสำคัญประจำรัชกาล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ด้วยทรงมีพระราชดำริ ว่า วันที่พระองค์ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกนั้น เป็นมหามงคลสมัย ซึ่งประเทศทั้งปวงที่มีพระเจ้าแผ่นดินย่อมนับถือวันนั้นเป็นวันนักขัตฤกษ์มงคลกาล จึงมีพระราชดำริจัดการพระราชกุศล พระราชทานชื่อว่า "ฉัตรมงคล" ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเพิ่มการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า อาลักษณ์อ่านคำประกาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ชุมนุมถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช เวียนเทียนสมโภชเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เพิ่มการพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ซึ่งเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลสนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช สำหรับรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์และราชอาณาจักรไทย สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี ในวันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 และได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการแก่ปวงชนชาวไทยว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"
ทั้งนี้ ได้กำหนดให้วันที่ 4 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันฉัตรมงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติและแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่พสกนิกรพร้อมใจกันถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะมีการจัดพระราชพิธีทางศาสนาและพิธีการต่าง ๆ เพื่อถวายพระพรและน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติเพื่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า วันฉัตรมงคลจึงไม่เพียงแต่เป็นวันแห่งการเฉลิมพระเกียรติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรชาวไทย ซึ่งยึดถือพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาติ สำหรับในวันนี้ หน่วยงานราชการ และพสกนิกรชาวไทยจะร่วมแสดงความจงรักภักดีผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำบุญตักบาตร การจัดพิธีถวายพระพร การประดับธงชาติ และธงพระปรมาภิไธยตามอาคารบ้านเรือน
สำหรับเนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ซึ่งเป็นวันที่ระลึกวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณขัตติยราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชน เข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูป สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช ณ ปราสาทพระเทพบิดร ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ด้วย
อนึ่งเวลา 12.00 น. ทหาร 3 เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวง ฝ่ายละ 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันพระราชพิธีฉัตรมงคล พุทธศักราช 2568 ซึ่งกองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 21 นัด ณ ท้องสนามหลวง
ส่วนกองทัพเรือ โดยกองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ยิงสลุตหลวง ด้วยปืนใหญ่ ขนาด 76/40 มิลลิเมตร จำนวน 21 นัด ณ ป้อมวิไชยประสิทธิ์ กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่
และกองทัพอากาศ โดยกรมทหารต่อสู้อากาศยานรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ยิงสลุตหลวงเฉลิมพระเกียรติ 21 นัด ณ อุทยานการบินกองทัพอากาศ ทั้งนี้ การยิงสลุต ถือเป็นธรรมเนียมที่ทุกประเทศทั่วโลก ได้ยึดถือสืบทอดกันมาแต่ครั้งโบราณ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพให้แก่ชาติ หรือธง หรือบุคคล โดยยิงปืนใหญ่ด้วยดินดำหรือดินไม่มีควัน มีจำนวนนัดเป็นเกณฑ์ตามควรแก่เกียรติ หรือ สิ่งที่ควรรับความเคารพ