“มท.” ตอบกลับ “ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ” กรณี “ดีเอสไอ” ลงพื้นที่สอบ “คดีฮั้วเลือก สว.” ให้ยึดตาม พ.ร.บ. อุ้มหายฯ พบความผิดปกติ ร้องศาลให้หยุดการกระทำ เพื่อปกป้องประชาชนได้
วันนี้ (9พ.ค.68) มีรายงานข่าวว่า นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 8 พ.ค.68 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่อง การประสานความร่วมมือในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ใจความสำคัญ แจ้งว่า กรมการปกครอง ยินดีให้ความร่วมมือ กับกรมสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยขอให้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1. ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐานยืนยันการเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวน สอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบในคดีพิเศษที่จะขอให้กรมการปกครองและพนักงานฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือและสนับสนุนในคดีนั้น เพื่อสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับที่เกียวข้อง สำหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้งอธิบดีกรมการปกครอง สำหรับในเขตจังหวัด ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาสังการดังกล่าวต่อไป
2. การปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครองได้มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 12เมษายน 2568 กำซับให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความสำคัญ กับสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิของบุคคลในคดีอาญา และเสรีภาพในเคหสถานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้พนักงานฝ่ายปกครองถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมถึงขอบเขตความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กรณีรายงานเหตุมีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อสอบถามข้อมูลอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสภา จำนวน 2 คน แต่ไม่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจนั้น
เพื่อประโยชน์ต่อการคุ้มครองประชาชน จึงมีแนวปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจัดหวัด นายอำเภอ รวมถึงปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ และสมาชิก กองอาสารักษาดินแดน ให้ยึดแนวปฏิบัติ และการรับคำร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และ ขอให้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามที่กฎหมายกำหนด และ ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายพ.ศ. 2565 ใจความสำคัญตอนหนึ่ง ดังนี้
“หากนายอำเภอผู้รับแจ้งเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการทรมาน การกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย นายอำเภอหรือพนักงานฝ่ายปกครองซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอำเภอมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา
.
เพื่อให้มีคำสั่งยุติการกระทำเช่นนั้นทันที ตามมาตรา22และมาตรา26 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางดังกล่าวยังได้สั่งการไปให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยึดแนวทางนี้อีกด้วย”