ทลายคอกม้าจีนเทาขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซนเตอร์ รวบคนไทย 18 ราย, คนจีน 13 ราย

ทลายคอกม้าจีนเทาขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซนเตอร์ รวบคนไทย 18 ราย, คนจีน 13 ราย

View icon 883
วันที่ 15 พ.ค. 2568 | 17.25 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายคอกม้าจีนเทาขบวนการฟอกเงินแก๊งคอลเซนเตอร์ รวบคนไทย 18 ราย, คนจีน 13 ราย

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 31 ราย (คนไทย 18 ราย, คนจีน 13 ราย) พร้อมด้วยของกลางและทรัพย์สินตรวจยึด ประกอบด้วย สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 49 เล่ม, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 49 ใบ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 66 เครื่อง, คอมพิวเตอร์ (โน๊ตบุ๊ก) จำนวน 2 เครื่อง, รถยนต์ จำนวน 3 คัน, รถยนต์จักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน, เงินสดกว่า 1 ล้านบาท และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ รวมทรัพย์สินตรวจยึดรวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคม 2568 ผู้เสียหายพบเห็นโฆษณาทางเฟซบุ๊ก ที่มีการโฆษณาเกี่ยวกับการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้กดลิงก์โฆษณาดังกล่าว

จากนั้นระบบอัตโนมัติได้นำผู้เสียหายไปยังกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” ซึ่งกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีสมาชิกจำนวนกว่า 700 คน มีการพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าจำนวนมาก ผู้เสียหายสนใจที่จะลงขายสินค้าจึงได้ทักหาแอดมินของไลน์ Open Chat ดังกล่าว โดยแอดมินแจ้งว่าสามารถลงรูปพร้อมระบุราคาให้ชัดเจนแล้วลงขายได้เลย ผู้เสียหายจึงได้ลงขายสินค้า จำนวน 1 ชิ้น ในราคา 1,420 บาท

ต่อมา มีลูกค้า (หน้าม้า) แจ้งว่าสนใจจะซื้อสินค้าและถามหารหัสร้านค้า ซึ่งแอดมินของกลุ่มจึงแจ้งว่าจะต้องมีการลงทะเบียนร้านค้าก่อน จากนั้นจึงส่งลิงก์เว็บไซต์ “SELLER CENTER” ให้ผู้เสียหายทำการลงทะเบียน โดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้เสียหาย จากนั้นแอดมินได้ส่งบัญชีผู้ใช้ไลน์ให้แก่ผู้เสียหาย โดยแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี จะเป็นผู้ดูแลระบบร้านค้าและการเบิกถอนให้กับสมาชิก

ต่อมาเจ้าหน้าที่การเงินได้แจ้งกับผู้เสียหายว่ามียอดเงินจากการขายสินค้าของผู้เสียหายเข้ามาในระบบแล้ว แต่ยังไม่สามารถถอนเงินได้ โดยออกอุบายว่า ผู้เสียหายยังไม่ได้ทำการทดสอบเปิดการมองเห็นร้านค้าครั้งแรก จากนั้นได้เชิญผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ ชื่อ "เปิดการมองเห็นร้านค้า" ซึ่งมีสมาชิกเพียง 4 คน (กลุ่มเชือด) และให้ผู้เสียหายออกกลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อ “Shopping Center” (กลุ่มเดิม) โดยคนร้ายอ้างว่าจะดึงผู้เสียหายกลับเข้ากลุ่มในภายหลังจากทำแบบทดสอบเสร็จ

จากนั้นให้ผู้เสียหายและบุคคลในกลุ่มทำแบบทดสอบเพื่อเปิดการมองเห็นร้านค้า โดยคนร้ายอ้างว่าสมาชิกใหม่จะต้องมีการเติมยอดเงินเข้ามายังแพลตฟอร์ม จากนั้นทางแพลตฟอร์มจะนำเงินลงทุนมาหมุนเวียนสต็อกสินค้าเพื่อทำกำไรให้กับสมาชิกผ่านเว็บไซต์ ชื่อ “SELLER CENTER” โดยในการลงทุนครั้งแรกผู้เสียหายสามารถเบิกถอนเงินลงทุนและผลกำไรได้ปกติ ต่อมาเมื่อผู้เสียหายลงทุนเพิ่มมากขึ้นและต้องการจะถอนเงิน คนร้ายจะสร้างเงื่อนไขต่างๆ ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถเบิกถอนเงินออกจากระบบได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2.9 ล้านบาท

จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ใช้บ้านพักตากอากาศแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 4 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นคอกม้า โดยการนำเจ้าของบัญชีม้ามากักขังไว้และยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด ไม่ให้มีการติดต่อกับบุคคลภายนอก นอกจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหายังคอยควบคุมและบังคับให้ทำตามคำสั่ง หากขัดขืนจะถูกทุบตี ทำร้ายร่างกาย จากนั้นนำพาไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรอรับออเดอร์จากชาวจีน (ผ่าน Telegram)

ต่อมาเมื่อมียอดเงินของผู้เสียหายที่ถูกประทุษร้ายโอนเงินเข้ามายังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ กลุ่มคนร้ายจะควบคุมเจ้าของบัญชีม้าไปเบิกถอนเงินสดตามเคาน์เตอร์สาขาต่างๆ และมีการวิ่งกระจายกดเงินสดตามตู้ ATM หรือนำพาเจ้าของบัญชีม้าไปสแกนหน้าเพื่อนโอนเงินตามสถานที่นัดหมายของชาวจีน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล จำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ดูแลคอกม้า พาคนไปเปิดบัญชีม้า และกักขัง ควบคุมการเบิกเงินสดและการโอนเงินต่างๆ

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2, กก.1 บก.ปอท. และ สภ.บ้านฉาง ได้เปิดปฏิบัติการจับกุมครั้งที่ 1  และ ปฏิบัติการจับกุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568

รวมปฏิบัติการทั้ง 2 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 31 ราย โดยเป็นชาวจีน จำนวน  13 ราย และชาวไทย จำนวน 18 ราย รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ 6 ล้านบาท อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ (Thaipoliceonline) พบว่ามีคดีที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหานี้อีก จำนวน 291 คดี ซึ่งมีพฤติการณ์การหลอกลวงในหลายรูปแบบ เช่น หลอกให้ทำงานพิเศษ, หลอกกู้เงินออนไลน์, หลอกให้ลงทุนในทองคำ, อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง