หญิงอายุ 52 ปี ถูกหลอกให้รักจนจดทะเบียนสมรส พร้อมกู้เงินมาลงทุนธุรกิจ สุดท้ายผู้ชายหนีหาย ไม่คืนเงิน รู้ความจริงภายหลังว่าเป็นมิจฉาชีพ มีหมายจับคดีฉ้อโกง
(17 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางสุธาศินี อายุ 52 ปี อาชีพค้าขายส้มโอ ขายมะพร้าว ขายน้ำ เล่าให้ฟังว่า ตนเองรู้จักกับนายปารมี อายุ 60 ปี ชาว จ.สุโขทัย ผ่านทางแอปพลิเคชันหาคู่ พูดคุยกันได้ประมาน 1 เดือน ก็แลกไลน์กัน โดยฝ่ายชายบอกว่าจะมาสู่ขอ ให้พี่น้องหาฤกษ์แต่งงาน แต่เมื่อได้ฤกษ์แต่งงาน นายปารมี ก็เข้ามายุงเรื่องเงิน โดยอ้างว่า ต้องนำเงินไปปลดล็อกบัญชี เนื่องจาก ได้ทำธุรกิจร่วมกับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเสียภาษีเลยทำให้บัญชีถูกอายัด
โดยได้ยืมเงินไป 30,000 บาท ขอเวลา 3 วันจะนำเงินมาคืน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืน จากนั้นประมาณ 1 เดือนกว่า นายปารมี ได้มารับให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านแม่ของเขาใน จ.นครศรีธรรมราช แต่ให้ตนหาเลี้ยงทั้งครอบครัว ให้ไปยืมเงินจากพี่น้องมาให้เขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร
จากนั้นนายปารมี ได้ชวนจดทะเบียนสมรส ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 เพื่อจะให้ตนไปกู้เงินมาลงทุนที่เกาะสมุย และยังอ้างถึงโครงการต่าง ๆ อาทิ ผลิตกะทิ ส่งน้ำมันพืช อ้างไปถึงว่า จะต้องไปดูทะพร้าวให้นักการเมืองชื่อดัง
นางสุธาศินี บอกอีกว่า ตนเองไปอยู่เพียงแค่ 4 เดือน แต่เป็นหนี้เยอะเกือบ 3 แสนบาท เคยถามนายปารมีว่า เมื่อมีแล้วทำไมไม่เอามาคืน ก็ทะเลาะกัน จนระยะหลังมาทราบว่า นายปารมีไปโกงคนอื่นจนเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และพยายาม ที่จะหนีจากตนเอง อีกทั้งยังไปจีบเพื่อนตนเองที่เป็นพยาบาล แล้วหลอกยืมเงินในรูปแบบเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ตนเห็นกระเป๋าอยู่ใบนึงที่เขาหวงมาก จึงแอบไปเปิดดูก็พบหมายจับ 3 หมายเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงยักยอกทรัพย์ แต่ยังเก็บเรื่องเงียบไว้ เพราะหวังว่าจะได้เงินคืน แต่สุดท้ายไม่ได้ นายปารมีหายตัวไป ตนเองก็พยายามไปขอหย่า แต่ก็ไม่สามารถทำได้ จึงเกิดความกังวลว่า นายปารมีจะไปหลอกลวงคนอื่นอีก จึงได้ไปแจ้งความไว้ ว่าตนเองไม่เกี่ยวข้องหากนายปารมีก่อเหตุ ซึ่งได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางคนที ตั้งแต่ปี 2567 แต่คดีก็ไม่คืบหน้า ตำรวจแค่ปลอบใจ บอกให้ไปค้าขายอย่างเก่า ตนเองจึงมาร้องกับสื่อ อยากให้คนมาช่วยเรื่องหย่า และอยากให้ตำรวจตามจับตัวให้ได้