หนุ่มไทยเปิดใจหลังรอดชีวิตจากการกระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อหนีการ "ศูนย์สแกมเมอร์" อันโหดร้ายในกัมพูชา
สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานบทสัมภาษณ์เปิดใจของ "หลุยส์" หนุ่มไทย อายุ 18 ปี เหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานใน "ศูนย์สแกมเมอร์" ที่กัมพูชา และถูกบังคับใช้ต้องทำงาน "สายดำ" หลอกลวงคนทางออนไลน์ ซึ่งหลังถูกบังคับทำงานจากแก๊งอาชญากรชาวจีนนานเกือบ 1 ปี จนรู้สึกทนไม่ไหว เขาจึงหาทางหนีออกมาที่พักซึ่งมีลักษณะเหมือนคุก ด้วยการกระโดดหน้าต่าง เมื่อปีก่อน โดยเขาอาศัยอยู่ที่ชั้น 8 ก่อนจะลงมาที่ชั้น 5 และกระโดดหนีลงมาด้านล่าง จนทำให้คางแตก ฟันหัก ขากะเผลก และสลบไป รู้ตัวฟื้นขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล
หลุยส์เปิดเผยว่า "ที่ทำงานรู้สึกอบอ้าว กดดัน โดนกดขี่ โดนจับตามองตลอดเวลา แบบว่าทำงานมันหนักมากครับ พิมพ์จนตาล้าตามัวหมดครับ ถ้าไม่ทำงานก็มีคนฟ้อง... สมมุติว่าอยากไปทำงานฝั่งนั้นจริง ๆ แนะนำว่าอย่าไปดีกว่า เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเราครับ วันหน้าวันไหน ถ้าพลาดจริง ๆ ก็อาจไม่ได้กลับมาก็ได้"
นอกจากนี้ หลุยส์เปิดเผยอีกว่า แรงงานที่ถูกค้ามนุษย์อาศัยอยู่ในสภาพเหมือน "ทาส" ถูกบังคับตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงคืน ในอาคารที่ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูงและรั้วลวดหนาม และยังถูกทำร้ายอย่างทารุณด้วยกระบองไฟฟ้า
ขณะที่ กลุ่มสิทธิมนุษยชน "แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล" (Amnesty International) เปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา กล่าวหารัฐบาลกัมพูชาว่า "จงใจเพิกเฉย" ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นในศูนย์สแกมเมอร์กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ โดยมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นกว้างขวาง ทั้งการใช้แรงงานทาส การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก และการทรมาน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาและระบุว่ารายงานดังกล่าวนั้น "เกินจริง"