ผู้ว่าฯ ททท. ผู้แทนบริษัทผู้พัฒนาแอปฯ ขอโทษ เที่ยวไทยคนละครึ่งล่มตั้งแต่วันแรก เวลาพัฒนามีจำกัดแค่ 7 วัน มีผู้เข้าใช้งานเกินยอดที่กำหนด ส่วนปัญหาส่ง OTP เกิดจากระบบ Google เข้าใจว่าเป็นสแปม
วันนี้ (2 ก.ค.68) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอโทษประชาชน กับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งแอปฯ ล่มตั้งแต่วันแรก โดยปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากระบบที่วางไว้ ให้รองรับผู้ใช้งาน 6000 ต่อวินาที และในแอปพลิเคชัน ThaID 100 คนต่อวินาที แต่มีปริมาณนักท่องเที่ยวที่สนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาระบบล่ม
ททท. เร่งตั้งวอร์มรูมเพื่อแก้ปัญหานี้ เบื้องต้นมีการปรับระบบให้นำการยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID ไปก่อนเพื่อความรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงในการจัดการ แล้วผูัใช้งานต้องกรอกข้อมูลลงทะเบียนเอง แต่ก็ยังพบปัญหาการส่ง OTP เนื่องจากมีการส่งออกจำนวนมาก ทำให้ระบบกลาง เช่น Google เกิดความเข้าใจว่า เป็นการสแปม จึงระงับการส่ง OTP จากต้นทาง ททท.จึงเร่งประสานงานขอแก้ไข ซึ่งได้มีการยืนยันตัวไปแล้วเรียบร้อย แต่เรื่องของระบบยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข
ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนได้ประมาณ 390,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้งาน hotmail โดยหลังจากนี้ ททท.จะล้างข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนไม่ได้ กรอกข้อมูลใหม่และเปลี่ยนเมลที่ใช้รับ OTP คาดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับ Gmail จะเสร็จสิ้นใน 7 วัน ส่วนที่ไม่ส่ง OTP เข้าโทรศัพท์ เนื่องจากไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย เนื่องจากโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทางธนาคารเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้
ด้านตัวแทนบริษ้ทผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน ขอโทษต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แม้จะมีประสบการณ์จากทีมผู้บริหาร ที่เคยผลิตแอปพลิเคชัน “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “หมอพร้อม” แต่ก็ยังคงพบปัญหา เนื่องจาก มีกรอบระยะเวลาในการพัฒนาแอปฯ เพียง 7 วัน หลังผ่าน ครม. จึงอาจทำให้มีปัญหาที่เกิดขึ้นได้
ด้าน ททท.เอง ยืนยันมีกระบวนการคัดเลือกจากหน่วยงานที่พร้อมให้ความช่วยเหลือจากบริษัทที่พร้อมความร่วมมือ โดยไม่ต้องมีงบประมาณมาเกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทอื่น ๆ เมื่อมีข้อมูลงบประมาณไม่ครบก็ไม่กล้าให้ความร่วมมือ จึงได้บริษัทนี้มา เนื่องจากทีมผู้บริหารเอง ก็เป็นทีมที่เคยร่วมงานกันมาก่อนในโครงการอื่น ๆ ซึ่งการทำงานเน้นความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนเป็นหลัก จึงมีปัญหาได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า จะไม่มีปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วไหลอย่างแน่นอน
ล่าสุด มีผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 38,527 ราย ผ่านขั้นตอนการตรวจสอบ 3,470 ราย ซึ่งมีการตรวจสอบข้อมูลผ่านธนาคารกรุงไทย เพื่อป้องกันการทุจริตหรือบัญชีม้า และการตรวจสอบอิงข้อมูลราคาที่พักจากปีที่ผ่านมา เพิ่มได้ไม่เกิน 10% เพื่อป้องกันการขึ้นราคาที่ไม่สมเหตุสมผล โดยต้องระบุข้อมูลอย่างชัดเจนหน้าเว็บไซต์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบรายละเอียด แต่ยังคงมีการให้เรตราคาสำหรับวันธรรมดา และวันหยุด ที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ ยังมีผู้แจ้งรายงานราคาของที่พักบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีราคาต่างมาก ทางเจ้าหน้าที่เองก็ต้องเร่งตรวจสอบ แต่ก็ต้องดูเงื่อนไขประเภทห้อง ครอบคลุมในส่วนใดบ้าง ระหว่างนี้ผู้ประกอบการยังสามารถลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ถึง 31 กรกฎาคมนี้ และขอเน้นย้ำไปยังผู้ประกอบการ หากตรวจพบการปรับขึ้นราคาที่สูงเกินความจำเป็น จะถูกตัดสิทธิไม่ให้เข้ารวมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง โดยเด็ดขาด
ในส่วนของผู้เข้าพักเอง ก็ต้องมีขั้นตอนยืนยันตัวตนมากขึ้น โดยต้องยืนยันตัวตนผ่าน ThaiID ในวันที่เข้าพัก เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ
สำหรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ททท. ใช้งบประมาณ 1,750 ล้านบาท มาจาก 1,500 ล้านบาทจากภาครัฐ แบ่งเป็น สิทธิละ 3000 บาท และอีก 250 ล้านบาทสำหรับวอเชอร์ โดยคาดว่า จากโครงการนี้ จะมีรายได้ 1,462,400 บาท มีมูลค่ารวมทั้งโครงการ ไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 อัตรา และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคนครั้ง เมื่อเทียบกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งเพิ่มนักท่องเที่ยวได้ถึง 66 ล้านคนครั้ง
ทั้งนี้ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน พบการทุจริต 1,500 เคส มีมูลค่าเสียหาย 2,500 ล้านบาท ที่พยายามหาทางออกไม่ให้เกิดซ้ำอีก