ศาล รธน. รับวินิจฉัย พิเชษฐ์แปรงบฯ 69  นัดชี้ชะตา 1 ส.ค.นี้

ศาล รธน. รับวินิจฉัย พิเชษฐ์แปรงบฯ 69 นัดชี้ชะตา 1 ส.ค.นี้

View icon 422
วันที่ 17 ก.ค. 2568 | 16.29 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ศาล รธน. มีมติ 8 : 1 รับวินิจฉัย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน แปรงบฯ 69  ให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายใน 21 ก.ค.นี้ ไม่อนุญาตให้ขยายเวลา เริ่มไต่สวนพยาน 24 ก.ค. และนัดฟังคำวินิจฉัย 1 ส.ค. นี้

วันนี้ (17 ก.ค.68) ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องที่ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส. กรุงเทพฯ พรรคประชาชน (ปชน.) และ สส.รวม 121 คน ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1(ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการ และให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568

และกรณีสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร มีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผู้ถูกร้องมีส่วนในการเสนอการแปรญัตติ หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง

ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแล้ว ไม่อยู่ในขั้นตอนของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายในกระบวนการทางนิติบัญญัติ ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7(7) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย

ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 มีคำสั่งรับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยและแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมทั้งส่งสำเนาคำร้องให้นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับความเห็นของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลภายในวันจันทร์ที่ 21 ก.ค.นี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54 เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ให้คู่กรณีมารับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ ภายในเวลาที่กำหนดแทนการส่งเอกสารให้แก่บุคคลนั้น ทั้งนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 23

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย จำนวน 1 คน คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบยังไม่ปรากฏว่านายพิเชษฐ์  มีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวเป็นที่ยุติชัดเจน เป็นเพียงการบริหารราชการแผ่นดินที่เกี่ยวกับกิจการของสภาผู้แทนราษฎรตามหน้าที่ ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรมอบหมายเท่านั้น

สำหรับคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดมาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำวินิจฉัย กำหนดให้นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อยู่ในระหว่างการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญให้ยกคำขอส่วนนี้ รวมทั้งให้ยกคำขอ ที่ให้ศาลกำหนดให้ผู้เกี่ยวข้องระงับการใช้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายของโครงการทั้ง 3 โครงการ ตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับการจัดสรร

กำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลในวันที่ 24 ก.ค.68 เวลา 10.00 น.หากผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดี ให้ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนัง สือภายในวันอังคารที่ 29 ก.ค.68 และศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.68 เวลา 09.30 น.และนัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการ เฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์