แม่น้องเมย เผย จำเลยยังรับราชการเป็นตำรวจต่อไป ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายไม่มีสิทธิ แม้จะจะได้ดำรงชีวิตของตัวเอง

แม่น้องเมย เผย จำเลยยังรับราชการเป็นตำรวจต่อไป ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายไม่มีสิทธิ แม้จะจะได้ดำรงชีวิตของตัวเอง

View icon 407
วันที่ 22 ก.ค. 2568 | 15.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
แม่น้องเมย เปิดใจหลังศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาจำคุกรุ่นพี่เตรียมทหารทำ “น้องเมย” เสียชีวิต  เผย จำเลย ยังรับราชการเป็นตำรวจต่อไป โดยไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายไม่มีสิทธิ แม้จะจะได้ดำรงชีวิตของตัวเอง

เมื่อเวลา 08.34 น.วันนี้ 22 ก.ค.2568 ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี นัดอ่านคำพิพากษาชั้นศาลฎีกา คดีการเสียชีวิต ของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย ในคดีการเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บิดาและมารดาของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ของนาย ภคพงศ์ เดินทางมารับฟังคำพิพากษา

กระทั่งเวลา 10.54 น. ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ว่า ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี

สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องร้องหลักคือครอบครัวของน้องเมย โดยในคดีอาญา ทางครอบครัวได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้มีการดำเนินคดีกับ นักเรียนเตรียมทหารพิพจน์ (สงวนนามสกุล) และ นักเรียนเตรียมทหารภูมิพัฒน์ ( สงวนนามสกุล) ในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ว่าที่ร้อยตรี ปิยพงศ์ (ครูฝึก) ในข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีเหล่านี้อยู่ภายใต้การพิจารณาของศาลทหาร เนื่องจากจำเลยเป็นบุคลากรทางทหารและเหตุเกิดในเขตอำนาจศาลทหาร

ศาลทหารชั้นต้น (มีการพิจารณาในช่วงปี 2561-2562) มีคำพิพากษาให้ รอการกำหนดโทษ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่ที่ถูกฟ้องร้องในคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีอื่นๆ ที่ครอบครัวน้องเมยฟ้องร้องนั้น พนักงานสอบสวนและอัยการบางส่วนได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าไม่มีประจักษ์พยานที่เพียงพอ

ต่อมาใน ชั้นศาลอุทธรณ์ (มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่งที่ ตุลาคม 2566) สำหรับคดีทำร้ายร่างกายที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในบางคดี

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่ของนายภคพงศ์ ยืนยันว่า ยังไม่เคยได้รับชดเชยจากกระทรวงกลาโหม มีเพียงเงินค่าทำศพจำนวน 100,000 บาท ที่เก็บไว้ ไม่ได้นำไปใช้จ่ายอะไร ถึงขณะนี้ และทางโรงเรียนเตรียมทหารแจ้งว่าจะให้ 10,000 บาท แต่ครอบครัวไม่ได้รับ ส่วนเรื่องอวัยวะภายในของลูกชาย ที่หายไป และครอบครัวตามกลับมา ก็ยังไม่ได้รับกลับมา ซึ่งยังอยู่กับทางเจ้าหน้าที่ เพราะมีการอ้างว่า เอากลับไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะมันตรวจกันกับที่ตรวจ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะหมายความว่าอย่างไร

ส่วนชั้นอุทธรณ์ ที่ระบุให้พักการลงโทษรุ่นพี่ ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่า เป็นคำลงโทษอะไร แต่มีหนึ่งในรุ่นพี่ขณะนี้ ติดยศสังกัดตำรวจแล้ว ซึ่งตอนนั้นที่คัดสำเนา มีการอธิบายว่า จำเลยทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้และอาจทำให้ประกอบอาชีพลำบากในวันหน้า

ล่าสุด ศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ จำเลยมีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยทันทีนั้น ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลยไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า โทษจำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี 

นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ (พ่อน้องเมย) กล่าวว่า ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้น จากคำตัดสินของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ตนเองว่ายังเบาสำหรับผู้ถูกกล่าวหา แต่ตนเองเจ็บช้ำมามากกว่านี้  อยากให้หน่วยงานของทางราชการช่วยกับเจ้าหน้าที่ที่ศาลบอกกับพวกตนเองว่า ยังมีประโยชน์อยู่ แล้วประชาชนอย่างตนเองจะเชื่อได้อย่างไรว่า ตำรวจคนนี้มีประโยชน์จริง ก็ยังงง ๆอยู่ว่ามันง่าย ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์แต่มันก็นานตั้ง 7 ปีกว่า ถ้ามีโอกาสที่จะไปต่อ ตนเองก็ต้องไปถ้าคนผิดแล้วยังเดินอยู่ ในลักษณะนี้ตนเองก็ไม่ยอม  แต่จะไปทางใดต่อก็แล้วแต่ทางฝ่ายกฎหมายและทนายว่าจะไปอย่างไร แต่ออกมาลักษณะอย่างนี้  บังเอิญลูกของตนเองไม่ใช่คนนามสกุลดังๆ ไม่รู้จะฝากบอกสังคมอย่างไร

นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ (แม่น้องเมย) กล่าวว่า ที่แม่ฎีกาขึ้นไปก็ขอให้ลงเลย เหตุผลที่ให้ลงเลย คือ หนึ่งเขาเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่ทำผิดซะเอง ทำผิดกฎระเบียบเอง แต่ก็เคารพศาลที่ท่านให้ยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่ที่ฎีกาไปคือให้ลงเลย เป็นไปตามที่ยื่นอุทธรณ์ แต่ท่านก็ยังให้โอกาสคนเป็น เพราะคนเป็นสามารถทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ

อยากฝากถึงระบบที่ไม่ถูก ให้แก้ทั้งการธำรงวินัย ซึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นอีก ว่าพี่ก็หวังว่าทุกอย่างอยากให้ทางโรงเรียนดูแล แต่ได้ข่าวมาว่าตอนนี้โรงเรียนเปิดโอกาสให้สมาคมผู้ปกครองได้เข้าถึง สมัยนั้นไม่มีเข้าถึงยาก หากเกิดอะไรขึ้น นายกสมาคมสามารถเข้าถึงได้เลย เวลาเราเจอผู้ปกครอง ก็พูดว่าเคารพมากที่น้องเมยทำให้ระบบของโรงเรียนเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงโดยทันทีทุกอย่าง พี่ๆที่เคยเรียนก็ยังคุยกันว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง